Category: งานตรวจสอบ ISTE ใบอนุญาต0602-03-2565-0023 ตามมาตรา 11

  • บริการตรวจสอบภาชนะรับความดัน ภาชนะบรรจุก๊าซทนความดัน หม้อน้ำ หม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน เครื่องปั้มลม เครื่องอัดอากาศ

    บริการตรวจสอบภาชนะรับความดัน ภาชนะบรรจุก๊าซทนความดัน หม้อน้ำ หม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน เครื่องปั้มลม เครื่องอัดอากาศ

     ได้รับการรับรองจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน

    ⚙️ บริการตรวจสอบภาชนะรับความดัน และอุปกรณ์อัดอากาศ
    มาตรฐานความปลอดภัยที่โรงงานมืออาชีพไว้วางใจ!
    เพราะความปลอดภัยของพนักงานและโรงงานของคุณ
    ไม่ใช่เรื่องที่รอได้!
    เราให้บริการตรวจสอบและรับรองความปลอดภัยสำหรับ
    ภาชนะรับความดัน, ถังบรรจุก๊าซ, หม้อน้ำ, หม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน
    รวมถึง เครื่องปั๊มลม และเครื่องอัดอากาศ
    โดยทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญตามข้อกำหนดของกฎหมายและมาตรฐานอุตสาหกรรม

    🔍 รายการอุปกรณ์ที่ให้บริการตรวจสอบ:
    ✅ ภาชนะรับความดัน (Pressure Vessel)
    ✅ ภาชนะบรรจุก๊าซทนความดัน (Gas Cylinder & Tank)
    ✅ หม้อน้ำ (Boiler)
    ✅ หม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน (Thermal Oil Heater)
    ✅ เครื่องปั้มลม (Air Compressor)
    ✅ เครื่องอัดอากาศ (Compressed Air System)

    💼 ทำไมต้องเลือกบริการของเรา?
    🔧 ตรวจสอบครบทุกจุด ตามมาตรฐานกรมโรงงานอุตสาหกรรม
    📋 จัดทำรายงานผลตรวจสอบ พร้อมใบรับรองโดยวิศวกร
    🧑‍🔧 ทีมตรวจสอบมีใบอนุญาตและประสบการณ์ตรง
    🕘 รวดเร็ว ทันเวลา ลดหยุดงานโรงงาน
    💯 เพิ่มความเชื่อมั่นและความปลอดภัยให้ธุรกิจของคุณ

    📢 พร้อมให้บริการทั่วประเทศ!
    ไม่ว่าคุณจะเป็นโรงงานอุตสาหกรรมขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่
    เรายินดีดูแลอุปกรณ์สำคัญทุกชิ้นของคุณ
    ปลอดภัยตามกฎหมาย มั่นใจตลอดอายุการใช้งาน!

    ภาชนะรับความดัน (Pressure Vessel) คือ ภาชนะหรือถังที่ออกแบบมาเพื่อรับและเก็บกักของเหลว, ก๊าซ หรือสารต่าง ๆ ที่มีความดันสูงภายใน โดยทั่วไปแล้วภาชนะเหล่านี้จะถูกใช้งานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น การผลิตพลังงาน, ปิโตรเคมี, อุตสาหกรรมอาหาร, การเก็บกักก๊าซ, หรือในระบบทำความเย็น

    🧰 ลักษณะของภาชนะรับความดัน
    วัสดุ: มักทำจากเหล็กกล้า หรือวัสดุที่ทนทานต่อความดันและการกัดกร่อน
    การออกแบบ: มีความแข็งแรงพิเศษเพื่อรองรับแรงดันภายในที่สูงกว่าปกติ
    รูปร่าง: โดยทั่วไปจะเป็นรูปทรงกระบอก ทรงกลม หรือทรงกระบอกที่มีฝาปิด

    🚨 การใช้งานภาชนะรับความดัน
    ใช้ใน โรงงานอุตสาหกรรม เช่น หม้อไอน้ำ (Boiler), เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อน (Heat Exchanger)
    เก็บกัก ก๊าซอัด เช่น ก๊าซธรรมชาติ หรือก๊าซในระบบปิโตรเคมี
    ใช้ในระบบ ปั๊มและเครื่องอัดอากาศ
    ใช้ใน กระบวนการผลิตพลังงาน เช่น กังหันไอน้ำ

    🔧 ความสำคัญของการตรวจสอบภาชนะรับความดัน
    การตรวจสอบภาชนะรับความดันอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญ เพราะมันช่วยป้องกัน:
    การรั่วซึม: อาจเกิดการรั่วของก๊าซหรือของเหลวที่มีความดันสูง
    การแตกร้าว: ถ้าไม่ตรวจสอบอย่างระมัดระวังอาจเกิดการแตกร้าว หรือการล้มเหลวของภาชนะได้
    ความเสียหายจากการกัดกร่อน: ทำให้โครงสร้างภาชนะไม่แข็งแรงพอที่จะรับความดัน
    การเสี่ยงจากการระเบิด: ภาชนะรับความดันที่ไม่ได้รับการตรวจสอบอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้

    📋 การตรวจสอบภาชนะรับความดัน
    การตรวจสอบภาชนะรับความดันจะรวมถึง:
    การตรวจสอบภายนอก: การตรวจดูภายนอกว่ามีรอยรั่วหรือรอยแตกร้าว
    การตรวจสอบภายใน: การตรวจสอบผิวภายในของภาชนะเพื่อตรวจหาการกัดกร่อนหรือความเสียหาย
    การทดสอบแรงดัน (Pressure Testing): การทดสอบภาชนะภายใต้ความดันสูงเพื่อให้มั่นใจว่าไม่เกิดการเสียหาย
    การตรวจสอบส่วนประกอบอื่น ๆ เช่น วาล์ว, ท่อ, และอุปกรณ์เสริม

    ภาชนะบรรจุก๊าซทนความดัน (Gas Cylinder & Tank) คือ ถังหรือภาชนะที่ถูกออกแบบมาเพื่อเก็บกักก๊าซที่มีความดันสูง ซึ่งมักใช้ในการเก็บก๊าซที่เป็นอันตรายหรือก๊าซที่ต้องเก็บในสภาพก๊าซที่มีความดันสูง เช่น ก๊าซธรรมชาติ, ก๊าซอุตสาหกรรม (เช่น ออกซิเจน, ไนโตรเจน, อะซีทิลีน) หรือก๊าซใช้ในกระบวนการผลิตต่าง ๆ
    ภาชนะเหล่านี้จะมีความทนทานสูง และออกแบบมาให้ปลอดภัยในระหว่างการใช้งานเพื่อป้องกันการรั่วไหล หรือการระเบิดของก๊าซในภาชนะ

    🧰 ลักษณะของภาชนะบรรจุก๊าซทนความดัน
    วัสดุ: ทำจากวัสดุที่แข็งแรงและทนทาน เช่น เหล็กกล้า (Steel), อะลูมิเนียม, หรือคอมโพสิต (Composite materials) ที่สามารถรับความดันได้สูง
    ลักษณะภายนอก: มักมีลักษณะเป็นทรงกระบอกหรือทรงกลม ขนาดต่าง ๆ ตามการใช้งาน
    การออกแบบ: มีการเสริมความแข็งแรงในส่วนของฝาครอบและวาล์ว เพื่อป้องกันการรั่วไหลของก๊าซและการเกิดอุบัติเหตุ

    🏭 การใช้งานของภาชนะบรรจุก๊าซทนความดัน
    ภาชนะบรรจุก๊าซทนความดันมีหลายประเภทและใช้ในหลายอุตสาหกรรม รวมถึง:
    อุตสาหกรรมการแพทย์: เช่น ถังออกซิเจนสำหรับโรงพยาบาล
    อุตสาหกรรมการผลิต: เช่น ก๊าซอะซิทิลีน, ออกซิเจน, และไนโตรเจนในการเชื่อม หรือการผลิตที่ต้องการก๊าซ
    อุตสาหกรรมการขนส่ง: ใช้ในการขนส่งก๊าซต่าง ๆ เช่น ก๊าซธรรมชาติ
    อุตสาหกรรมอาหาร: เช่น ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในการผลิตเครื่องดื่มอัดลม
    อุตสาหกรรมพลังงาน: เช่น การเก็บก๊าซในโรงงานผลิตพลังงาน

    🚨 ความสำคัญของการตรวจสอบภาชนะบรรจุก๊าซทนความดัน
    การตรวจสอบภาชนะบรรจุก๊าซทนความดันเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันอุบัติเหตุจาก:
    การรั่วไหลของก๊าซ: ถ้าภาชนะไม่ได้รับการตรวจสอบ อาจมีการรั่วไหลของก๊าซ ซึ่งอาจเป็นอันตรายได้
    การแตกร้าวหรือบิดเบี้ยว: การได้รับแรงกระแทกหรือความร้อนอาจทำให้ภาชนะเสียหาย
    การระเบิด: การไม่ตรวจสอบสภาพของภาชนะบรรจุก๊าซอาจนำไปสู่การเกิดการระเบิดจากความดันภายใน
    การกัดกร่อน: เมื่อภาชนะมีการกัดกร่อนจะทำให้วัสดุอ่อนแอและเสี่ยงต่อการแตกหัก

    📋 การตรวจสอบภาชนะบรรจุก๊าซทนความดัน
    การตรวจสอบภาชนะบรรจุก๊าซทนความดันมีขั้นตอนสำคัญ เช่น:
    ตรวจสอบภายนอก: มองหาความเสียหาย เช่น รอยร้าว รอยบวม หรือการกัดกร่อนที่อาจเกิดขึ้น
    ตรวจสอบวาล์วและอุปกรณ์เสริม: ตรวจสอบว่ามีการรั่วไหลหรือไม่
    ตรวจสอบความดัน: ทำการทดสอบเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการรั่วไหลและภาชนะทนความดันที่ได้รับ
    ตรวจสอบสภาพทั่วไป: เช่น การขัดผิวภาชนะ ตรวจสอบการพังทลายของผิวโลหะ

    หม้อน้ำ (Boiler) คือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตไอน้ำจากการให้ความร้อนกับน้ำ ซึ่งจะนำไอน้ำที่ได้ไปใช้ในกระบวนการต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมหรือการผลิตพลังงาน เช่น การขับเคลื่อนเครื่องจักร การทำความร้อนในระบบปรับอากาศ หรือการใช้ไอน้ำในกระบวนการผลิตต่าง ๆ หม้อน้ำสามารถทำงานได้ทั้งจากการใช้พลังงานจากน้ำมัน, ก๊าซ, ถ่านหิน หรือพลังงานไฟฟ้าในการให้ความร้อน

    🧰 ลักษณะของหม้อน้ำ
    โครงสร้าง: หม้อน้ำประกอบไปด้วยภาชนะที่บรรจุน้ำ ซึ่งได้รับความร้อนจากแหล่งพลังงานที่ใช้
    ส่วนที่ทำความร้อน: อาจใช้การเผาไหม้ของเชื้อเพลิง (เช่น ก๊าซ, ถ่านหิน, หรือเชื้อเพลิงเหลว) หรือใช้ไฟฟ้าในการให้ความร้อน
    การระบายไอน้ำ: หม้อน้ำจะมีทางออกสำหรับการระบายไอน้ำออกไปเพื่อใช้ในระบบต่าง ๆ

    🏭 การใช้งานของหม้อน้ำ
    หม้อน้ำมีบทบาทสำคัญในหลายอุตสาหกรรม เช่น:
    อุตสาหกรรมการผลิตพลังงาน: ใช้หม้อน้ำในการผลิตไอน้ำเพื่อขับเคลื่อนกังหันในโรงไฟฟ้า
    อุตสาหกรรมอาหาร: ใช้หม้อน้ำในกระบวนการฆ่าเชื้ออาหารหรือผลิตเครื่องดื่ม เช่น การให้ความร้อนในกระบวนการสตีม
    อุตสาหกรรมเคมี: ใช้ไอน้ำในกระบวนการเคมีที่ต้องการอุณหภูมิสูง เช่น การผลิตสารเคมีหรือการแยกสาร
    การทำความร้อนในอาคาร: หม้อน้ำบางประเภทใช้ในการผลิตความร้อนสำหรับระบบทำความร้อนในอาคาร เช่น ระบบทำความร้อนจากน้ำร้อนหรือไอน้ำ

    🚨 ความสำคัญของการตรวจสอบหม้อน้ำ
    การตรวจสอบหม้อน้ำเป็นสิ่งสำคัญเพราะมันช่วยลดความเสี่ยงจากปัญหาต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น เช่น:
    การระเบิด: หากหม้อน้ำไม่ได้รับการตรวจสอบสภาพการทำงาน หรือความดันภายในหม้อสูงเกินไปอาจทำให้เกิดการระเบิดได้
    การรั่วไหลของไอน้ำ: หากมีการรั่วไหลของไอน้ำจากหม้อน้ำจะทำให้ระบบไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    การกัดกร่อน: น้ำภายในหม้อน้ำอาจมีส่วนผสมของสารเคมีที่ทำให้เกิดการกัดกร่อนหรือการสะสมของตะกรัน
    การเสียหายจากความร้อนสูงเกินไป: หากระบบควบคุมความร้อนหรือความดันไม่ได้รับการบำรุงรักษาอาจทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ได้

    📋 การตรวจสอบหม้อน้ำ
    การตรวจสอบหม้อน้ำจะต้องทำอย่างละเอียดเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีปัญหาหรือความเสี่ยงในการใช้งาน:
    ตรวจสอบภายนอกและภายใน: มองหาความเสียหายที่อาจเกิดจากการผุกร่อน หรือการสะสมของตะกรัน
    การตรวจสอบความดัน: ตรวจสอบว่าแรงดันภายในหม้อน้ำไม่เกินค่าที่ปลอดภัย
    การตรวจสอบระบบทำความร้อน: ตรวจสอบว่าแหล่งความร้อนทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
    การทดสอบการรั่วไหล: ตรวจสอบทุกจุดที่มีโอกาสรั่วไอน้ำหรือสารอื่น ๆ ออกจากระบบ
    การทดสอบการทำงานของระบบควบคุม: เช่น การทำงานของวาล์วระบายความดันและเครื่องมือควบคุมอุณหภูมิ

    💡 ความสำคัญของการบำรุงรักษาหม้อน้ำ
    การบำรุงรักษาหม้อน้ำอย่างสม่ำเสมอและการตรวจสอบตามระยะเวลาที่กำหนด จะช่วยยืดอายุการใช้งานของหม้อน้ำ ลดความเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุ และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในกระบวนการผลิตหรือระบบต่าง ๆ ที่ใช้ไอน้ำ

    หม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน (Thermal Oil Heater) คือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการทำความร้อนโดยการใช้ของเหลวที่มีจุดเดือดสูงเป็นสื่อนำความร้อนแทนการใช้น้ำเหมือนหม้อน้ำทั่วไป ของเหลวที่ใช้มักจะเป็นน้ำมันหรือสารเคมีที่ออกแบบมาให้มีคุณสมบัติทนความร้อนสูง โดยหม้อต้มชนิดนี้มักใช้ในระบบที่ต้องการอุณหภูมิสูงและคงที่ในกระบวนการผลิต

    🧰 ลักษณะของหม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน
    ของเหลวที่ใช้: น้ำมันสังเคราะห์ (Synthetic Oil), น้ำมันที่มีจุดเดือดสูง, หรือสารที่ทนความร้อน เช่น โพลีเอทิลีน หรือฟลูออโรคาร์บอน
    การทำงาน: หม้อจะทำการให้ความร้อนแก่ของเหลวที่อยู่ในระบบแล้วส่งผ่านไปยังส่วนต่าง ๆ ที่ต้องการความร้อน เช่น เครื่องจักร, เครื่องอบ, หรือระบบทำความร้อนในอุตสาหกรรม
    ระบบปิด: การทำงานของระบบในหม้อต้มชนิดนี้จะใช้ระบบปิด ทำให้ไม่ต้องเติมน้ำหรือตัวทำความร้อนเพิ่มเติม
    การออกแบบ: หม้อต้มจะประกอบไปด้วยแหล่งความร้อน (เช่น การเผาไหม้, ฮีตเตอร์ไฟฟ้า) และท่อที่ส่งของเหลวความร้อนที่ได้รับไปยังระบบภายนอก

    🏭 การใช้งานของหม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน
    หม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อนมักใช้ในอุตสาหกรรมที่ต้องการอุณหภูมิสูงอย่างต่อเนื่อง ได้แก่:
    อุตสาหกรรมเคมี: ใช้ในกระบวนการผลิตสารเคมีที่ต้องการความร้อนสูง เช่น การสังเคราะห์เคมี
    อุตสาหกรรมการผลิตอาหาร: ใช้ในการอบแห้ง หรือการผลิตอาหารที่ต้องใช้ความร้อนในการแปรรูป
    อุตสาหกรรมพลังงาน: ใช้ในการส่งผ่านความร้อนเพื่อผลิตพลังงานจากไอน้ำในโรงไฟฟ้า
    อุตสาหกรรมพลาสติก: ใช้ในกระบวนการหลอมพลาสติกหรือการให้ความร้อนแก่วัสดุเพื่อการขึ้นรูป
    อุตสาหกรรมการแปรรูปโลหะ: ใช้ในการอุ่นโลหะเพื่อการหลอมและแปรรูป

    🚨 ความสำคัญของการตรวจสอบหม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน
    การตรวจสอบและบำรุงรักษาหม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อนเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น เช่น:
    การรั่วไหลของของเหลว: การรั่วไหลของของเหลวที่มีอุณหภูมิสูงอาจทำให้เกิดอันตรายต่อพนักงานหรือเสียหายต่อเครื่องจักร
    การสะสมของคราบตะกรัน: หากไม่ทำความสะอาดระบบเป็นระยะเวลานาน อาจเกิดการสะสมของคราบตะกรันในท่อและอุปกรณ์ภายใน ทำให้ระบบทำความร้อนไม่มีประสิทธิภาพ
    ความดันสูงเกินไป: หากไม่มีการควบคุมความดันอย่างเหมาะสม อาจทำให้ระบบระเบิดได้
    การเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์: หากระบบการเผาไหม้ในหม้อต้มไม่ได้รับการบำรุงรักษาอย่างดี อาจทำให้เกิดการปล่อยก๊าซอันตราย

    📋 การตรวจสอบหม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน
    การตรวจสอบหม้อต้มประเภทนี้ต้องทำอย่างละเอียดเพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและประสิทธิภาพการทำงาน:
    ตรวจสอบการรั่วไหลของของเหลว: ตรวจดูท่อและส่วนที่เชื่อมต่อเพื่อหาจุดที่อาจมีการรั่วไหล
    การตรวจสอบระบบความดัน: ตรวจสอบความดันในระบบให้เหมาะสมกับระดับที่กำหนด
    การตรวจสอบการเผาไหม้: ตรวจสอบแหล่งให้ความร้อน เช่น หม้อเผาหรือฮีตเตอร์ ว่ายังทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    การตรวจสอบการสะสมของคราบตะกรัน: ตรวจสอบท่อและระบบภายในว่ามีการสะสมของตะกรันหรือสารที่ทำให้เกิดการอุดตันหรือไม่
    การตรวจสอบความสะอาดของอุปกรณ์: ตรวจสอบว่าท่อและส่วนประกอบต่าง ๆ ของระบบไม่ได้มีสิ่งสกปรกที่อาจลดประสิทธิภาพการทำงาน

    💡 การบำรุงรักษาหม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน
    การบำรุงรักษาและตรวจสอบหม้อต้มอย่างสม่ำเสมอจะช่วยยืดอายุการใช้งาน ป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น และทำให้ระบบทำความร้อนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

    เครื่องปั้มลม (Air Compressor) คือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการอัดอากาศหรือก๊าซให้มีความดันสูงขึ้น ซึ่งจะใช้ในการขับเคลื่อนเครื่องจักรที่ทำงานด้วยลม (Pneumatic Tools) หรือใช้ในการเก็บลมในถังสำหรับการใช้งานในระบบต่าง ๆ เช่น การขับเคลื่อนอุปกรณ์, การทำความสะอาด, หรือการใช้ลมในการผลิต
    เครื่องปั้มลมมีหลายประเภทตามลักษณะการทำงานและการใช้งาน เช่น ปั้มลมลูกสูบ, ปั้มลมสกรู, ปั้มลมแบบโรตารี่ และอื่น ๆ โดยการเลือกประเภทของเครื่องปั้มลมจะขึ้นอยู่กับความต้องการในการใช้งานและลักษณะของงานที่ต้องการ

    🧰 ลักษณะของเครื่องปั้มลม
    ประเภทเครื่องปั้มลม:
    เครื่องปั้มลมลูกสูบ (Piston Air Compressor): ใช้ลูกสูบในการดูดและบีบอัดอากาศ โดยเหมาะกับการใช้งานที่ต้องการลมปริมาณไม่มาก
    เครื่องปั้มลมสกรู (Screw Air Compressor): ใช้สกรูหมุนในการอัดอากาศ มีประสิทธิภาพสูงและเหมาะกับงานที่ต้องการลมในปริมาณมาก
    เครื่องปั้มลมแบบโรตารี่ (Rotary Air Compressor): ใช้ล้อหมุนในการอัดอากาศ เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับงานที่ต้องการลมในปริมาณมากและต้องการความเงียบในการทำงาน
    วัสดุที่ใช้: ส่วนใหญ่ทำจากเหล็กกล้า หรือวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อนและสามารถทนต่อแรงดันสูงได้
    ระบบการทำงาน: เครื่องปั้มลมสามารถทำงานได้จากแหล่งพลังงานหลายประเภท เช่น พลังงานไฟฟ้า, เครื่องยนต์ดีเซล หรือเครื่องยนต์เบนซิน

    🏭 การใช้งานของเครื่องปั้มลม
    เครื่องปั้มลมมีการใช้งานในหลากหลายอุตสาหกรรมและกิจกรรม เช่น:
    อุตสาหกรรมการผลิต: ใช้ในการขับเคลื่อนเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทำงานด้วยลม เช่น ปืนยิง, เครื่องพ่นสี
    อุตสาหกรรมการบำรุงรักษา: ใช้ในการทำความสะอาดเครื่องจักร หรือสำหรับการทดสอบอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ต้องใช้ลม
    อุตสาหกรรมการก่อสร้าง: ใช้ในการขับเคลื่อนเครื่องมือก่อสร้างที่ใช้ลม เช่น เครื่องเจาะคอนกรีต
    อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม: ใช้ในการบรรจุขวดหรือกระป๋อง หรือใช้ในการทำความสะอาด
    งานทางการแพทย์: ใช้ในเครื่องมือแพทย์บางชนิดที่ต้องการอากาศอัด
    การใช้ในงานทั่วไป: เช่น การเติมลมยางรถยนต์ หรือใช้ในเครื่องมือช่างต่าง ๆ

    🚨 ความสำคัญของการตรวจสอบเครื่องปั้มลม
    การตรวจสอบและบำรุงรักษาเครื่องปั้มลมอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันการเกิดปัญหาที่อาจมีผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานและความปลอดภัย เช่น:
    การรั่วไหลของอากาศ: หากเครื่องปั้มลมมีการรั่วไหลของอากาศจะทำให้ประสิทธิภาพลดลง
    การสะสมของน้ำในถังเก็บลม: หากน้ำในระบบไม่ถูกระบายออกจะทำให้เกิดการกัดกร่อนและเสียหายต่อเครื่อง
    การสึกหรอของชิ้นส่วน: เช่น การสึกหรอของลูกสูบ หรือปีกของเครื่องปั้มลมที่อาจทำให้เครื่องทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ
    การระบายความร้อนไม่ดี: ระบบการระบายความร้อนไม่ดีอาจทำให้เครื่องปั้มลมร้อนเกินไปและเกิดความเสียหาย
    การรั่วไหลของน้ำมันหล่อลื่น: การขาดน้ำมันหล่อลื่นจะทำให้เครื่องปั้มลมทำงานหนักขึ้นและอาจเสียหายได้

    📋 การตรวจสอบเครื่องปั้มลม
    การตรวจสอบเครื่องปั้มลมสามารถทำได้ในหลายจุดสำคัญ:
    ตรวจสอบระบบการอัดอากาศ: ตรวจสอบว่ามีการรั่วไหลของอากาศในส่วนต่าง ๆ หรือไม่
    ตรวจสอบน้ำมันหล่อลื่น: ตรวจสอบระดับน้ำมันหล่อลื่นในเครื่องปั้มลม และเปลี่ยนน้ำมันหล่อลื่นตามคำแนะนำจากผู้ผลิต
    ตรวจสอบการทำงานของระบบระบายความร้อน: ตรวจสอบว่าเครื่องปั้มลมมีการระบายความร้อนอย่างเหมาะสมหรือไม่
    ตรวจสอบปั๊มลมและชิ้นส่วนสำคัญ: ตรวจสอบการทำงานของปั๊มลม, ลูกสูบ หรือชิ้นส่วนที่มีการเคลื่อนไหวอื่น ๆ
    ตรวจสอบกรองอากาศ: ตรวจสอบและทำความสะอาดหรือเปลี่ยนกรองอากาศเพื่อป้องกันการอุดตัน

    💡 การบำรุงรักษาเครื่องปั้มลม
    การบำรุงรักษาเครื่องปั้มลมให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานต้องทำอย่างสม่ำเสมอ เช่น:
    เปลี่ยนน้ำมันหล่อลื่น ทุกระยะเวลาที่กำหนด
    ทำความสะอาดกรองอากาศ และตรวจสอบว่ากรองอากาศยังสามารถกรองสิ่งสกปรกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    ตรวจสอบความดันลม ในระบบเพื่อให้แน่ใจว่ามีการทำงานที่เหมาะสมและปลอดภัย
    ตรวจสอบการทำงานของมอเตอร์ ว่ายังคงทำงานได้ดีและไม่มีการสึกหรอ

    การตรวจสอบและบำรุงรักษาเครื่องปั้มลมอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้เครื่องทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการใช้งาน และช่วยเพิ่มความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน

    เครื่องอัดอากาศ (Compressed Air System) คือ ระบบที่ใช้ในการอัดอากาศให้มีความดันสูง ซึ่งจะใช้ในการเก็บอากาศที่อัดไว้ในถังเก็บลมหรือจ่ายลมอัดไปยังเครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ทำงานด้วยลมอัด เช่น เครื่องมือช่างลม, เครื่องจักร, ระบบทำความสะอาด, หรือแม้กระทั่งในอุตสาหกรรมที่ต้องการลมอัดเพื่อกระบวนการผลิต
    เครื่องอัดอากาศส่วนใหญ่จะประกอบไปด้วยหลายส่วนที่ทำงานร่วมกัน ได้แก่ เครื่องปั้มลม (Compressor), ถังเก็บลม (Air Tank), ระบบท่อ, วาล์วควบคุมการไหลของอากาศ และกรองอากาศเพื่อให้ลมที่ออกมามีความสะอาดและเหมาะสมกับการใช้งาน

    🧰 ลักษณะของเครื่องอัดอากาศ
    เครื่องปั้มลม (Compressor): เป็นหัวใจสำคัญของระบบที่ทำหน้าที่อัดอากาศจากบรรยากาศและส่งไปยังถังเก็บลมหรืออุปกรณ์ที่ต้องการ
    ถังเก็บลม (Air Tank): ใช้สำหรับเก็บลมอัดที่ถูกอัดเข้าไปในระบบเพื่อให้สามารถใช้งานได้ทันทีหรือเก็บสำรองในกรณีที่การใช้งานต้องการลมในปริมาณมาก
    ระบบท่อ (Piping System): ใช้ในการส่งลมอัดจากเครื่องปั้มลมไปยังจุดต่าง ๆ ของระบบ
    วาล์วและอุปกรณ์ควบคุม (Valves and Controls): ใช้ในการควบคุมการไหลของอากาศ เช่น การเปิด-ปิด การควบคุมความดัน หรือการปรับอัตราการไหลของอากาศ
    กรองอากาศ (Air Filter): กรองสิ่งสกปรกหรือความชื้นในอากาศก่อนที่ลมจะถูกส่งไปยังอุปกรณ์ใช้งาน เพื่อป้องกันความเสียหายจากสิ่งปนเปื้อนในลมอัด

    🏭 การใช้งานของเครื่องอัดอากาศ
    เครื่องอัดอากาศมีการใช้งานหลากหลายประเภทในอุตสาหกรรมและกิจกรรมต่าง ๆ เช่น:
    อุตสาหกรรมการผลิต: ใช้ในการขับเคลื่อนเครื่องมือที่ทำงานด้วยลม (Pneumatic Tools) เช่น ปืนยิง, เครื่องพ่นสี, เครื่องบด หรือเครื่องตัด
    อุตสาหกรรมการบำรุงรักษา: ใช้ในการทำความสะอาดเครื่องจักรหรือเครื่องมือ โดยการใช้ลมอัดในการเป่าฝุ่นหรือสิ่งสกปรก
    อุตสาหกรรมการก่อสร้าง: ใช้ในการขับเคลื่อนเครื่องมือที่ใช้ลมในการเจาะ, ขัด, หรือระเบิด
    อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม: ใช้ในการบรรจุขวดหรือกระป๋องหรือในกระบวนการที่ต้องใช้ลมในการขับเคลื่อน
    การใช้ในงานทั่วไป: เช่น การเติมลมยาง, การทำความสะอาด, หรือการพ่นลมเพื่อควบคุมสภาพอากาศในบางสถานที่

    🚨 ความสำคัญของการตรวจสอบเครื่องอัดอากาศ
    การตรวจสอบและบำรุงรักษาเครื่องอัดอากาศเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ระบบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อป้องกันการเกิดปัญหาที่อาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงาน:
    การรั่วไหลของอากาศ: การรั่วไหลของอากาศในท่อหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ จะทำให้สูญเสียพลังงานและทำให้ระบบทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ
    การสะสมของน้ำในระบบ: น้ำที่สะสมในระบบอาจทำให้เกิดการกัดกร่อนในเครื่องจักรและท่อ ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของเครื่องอัดอากาศ
    การสึกหรอของชิ้นส่วน: ชิ้นส่วนที่มีการเคลื่อนไหวภายในเครื่องอัดอากาศ เช่น ลูกสูบ หรือชิ้นส่วนที่เป็นปีกจะสึกหรอจากการใช้งาน
    การระบายความร้อนไม่ดี: หากระบบการระบายความร้อนไม่มีประสิทธิภาพ อาจทำให้เครื่องอัดอากาศร้อนเกินไปและทำให้เครื่องมีความเสียหาย
    การปนเปื้อนในลมอัด: ลมอัดที่มีความชื้นสูงหรือมีสิ่งสกปรกอาจทำให้เครื่องมือหรือเครื่องจักรที่ใช้ลมอัดเสียหายได้

    📋 การตรวจสอบเครื่องอัดอากาศ
    การตรวจสอบเครื่องอัดอากาศจะต้องทำในหลายจุดสำคัญเพื่อให้มั่นใจว่าเครื่องทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและปลอดภัย:
    ตรวจสอบการรั่วไหลของอากาศ: ตรวจสอบท่อและจุดต่าง ๆ ที่อาจเกิดการรั่วไหลของอากาศ และทำการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนชิ้นส่วนที่เสียหาย
    ตรวจสอบระบบกรองอากาศ: ตรวจสอบกรองอากาศเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีสิ่งสกปรกหรือความชื้นที่สามารถเข้าไปในระบบ
    ตรวจสอบระดับน้ำในถังเก็บลม: ถังเก็บลมอาจมีน้ำสะสมจากความชื้นในอากาศ ควรระบายออกเป็นระยะ
    ตรวจสอบการทำงานของวาล์วและอุปกรณ์ควบคุม: ตรวจสอบวาล์วและระบบควบคุมการไหลของอากาศเพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น
    ตรวจสอบเครื่องปั้มลม: ตรวจสอบการทำงานของเครื่องปั้มลมว่าทำงานได้ดีหรือมีการสึกหรอ

    💡 การบำรุงรักษาเครื่องอัดอากาศ
    การบำรุงรักษาเครื่องอัดอากาศจะช่วยยืดอายุการใช้งานและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่อง:
    เปลี่ยนกรองอากาศ และทำความสะอาดเป็นระยะ
    ระบายน้ำในถังเก็บลม ทุกครั้งหลังการใช้งาน
    ตรวจสอบและเติมน้ำมันหล่อลื่น ตามระยะเวลาเพื่อป้องกันการสึกหรอ
    ตรวจสอบการทำงานของวาล์ว และอุปกรณ์ต่าง ๆ ในระบบ
    ทำความสะอาดเครื่องปั้มลม และท่อที่ใช้ในการส่งลมเพื่อให้ระบบทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

    การบำรุงรักษาเครื่องอัดอากาศอย่างเหมาะสมจะช่วยให้ระบบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการใช้งาน และช่วยเพิ่มความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน

  • บริการตรวจสอบอาคารประจำปี

    บริการตรวจสอบอาคารประจำปี

     ได้รับการรับรองจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน

    🏢 บริการตรวจสอบอาคารประจำปี
    Building Inspection Service — ตรวจครบ มั่นใจ ปลอดภัยทุกปี!
    บริการตรวจสอบอาคารประจำปี
    คือการตรวจสอบสภาพของอาคารและองค์ประกอบต่าง ๆ ของอาคาร โดยวิศวกรหรือผู้ตรวจสอบที่ได้รับใบอนุญาต เพื่อให้มั่นใจว่าอาคารมีความมั่นคงแข็งแรง ปลอดภัย และสอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร (พรบ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม)

    📋 ขอบเขตการตรวจสอบประกอบด้วย:
    ✔️ ตรวจสอบโครงสร้างอาคาร — ความมั่นคง, ความเสียหาย
    ✔️ ตรวจสอบระบบไฟฟ้า — สายไฟ, เบรกเกอร์, ระบบสายดิน
    ✔️ ตรวจสอบระบบลิฟต์ — ความปลอดภัย, การทำงาน
    ✔️ ตรวจสอบระบบป้องกันอัคคีภัย — Fire Alarm, ถังดับเพลิง, ทางหนีไฟ
    ✔️ ตรวจสอบระบบสุขาภิบาลและระบายน้ำ
    ✔️ ตรวจสอบระบบระบายอากาศและการป้องกันอันตรายอื่น ๆ

    💡 ทำไมต้องตรวจสอบอาคารประจำปี?
    ✅ เพื่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัยและผู้ใช้งาน
    ✅ ลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุจากโครงสร้างและระบบต่าง ๆ
    ✅ เป็นไปตามกฎหมายที่กำหนด ป้องกันค่าปรับจากภาครัฐ
    ✅ เพิ่มความมั่นใจให้ลูกค้า, ผู้เช่า และผู้ใช้อาคาร
    ✅ มีรายงานผลตรวจสอบโดยวิศวกร พร้อมใบรับรองถูกต้องตามกฎหมาย

    🔧 เหมาะสำหรับอาคารประเภทไหนบ้าง?
    🏢 อาคารสำนักงาน
    🏬 อาคารพาณิชย์ ห้างสรรพสินค้า
    🏭 โรงงานอุตสาหกรรม
    🏨 โรงแรม, คอนโด, อพาร์ทเมนต์
    🏢 อาคารสาธารณะ หรืออาคารขนาดใหญ่พิเศษ

    📞 บริการตรวจสอบโดยทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ ใบอนุญาตครบถ้วน!
    ให้เราช่วยดูแลความปลอดภัยของอาคารคุณ —
    มั่นใจ ปลอดภัย ถูกต้องตามกฎหมาย 100%!

    🏢 บริการตรวจสอบอาคารประจำปี คืออะไร?
    บริการตรวจสอบอาคารประจำปี
    คือ การตรวจสอบสภาพโครงสร้างและระบบต่าง ๆ ของอาคารโดยวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประเมินความแข็งแรง ความปลอดภัย และความพร้อมในการใช้งานของอาคาร ให้สอดคล้องกับข้อกำหนดตามกฎหมายควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
    โดยอาคารที่เข้าข่ายต้องตรวจสอบประจำปี เช่น
    อาคารสูง
    อาคารขนาดใหญ่พิเศษ
    โรงงาน
    ห้างสรรพสินค้า
    โรงแรม
    คอนโดมิเนียม
    อาคารสำนักงาน ฯลฯ

    🧰 เนื้อหาการตรวจสอบประกอบด้วย
    ตรวจสอบโครงสร้างอาคาร — ความแข็งแรง, การแตกร้าว, การทรุดตัว
    ตรวจสอบระบบไฟฟ้า — ระบบสายไฟ, ระบบป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร
    ตรวจสอบระบบลิฟต์และบันไดเลื่อน
    ตรวจสอบระบบป้องกันอัคคีภัย — ถังดับเพลิง, สัญญาณเตือนไฟไหม้, ทางหนีไฟ
    ตรวจสอบระบบสุขาภิบาล, ระบายน้ำ
    ตรวจสอบความปลอดภัยโดยรวมของตัวอาคาร

    💡 ประโยชน์ของการตรวจสอบอาคารประจำปี
    ✅ ป้องกันอุบัติเหตุและลดความเสี่ยงในชีวิตและทรัพย์สิน
    ✅ ช่วยวางแผนบำรุงรักษาอาคารอย่างมีประสิทธิภาพ
    ✅ ปฏิบัติตามกฎหมาย ลดความเสี่ยงจากค่าปรับ
    ✅ สร้างความมั่นใจให้แก่ผู้อยู่อาศัยและผู้ใช้งาน

    บริการนี้จะสิ้นสุดด้วยการจัดทำ รายงานผลตรวจสอบพร้อมใบรับรอง
    ออกโดยวิศวกรที่ได้รับใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย
    เพื่อยืนยันว่าอาคารปลอดภัยและผ่านการตรวจสอบแล้ว

  • บริการตรวจสอบลวดสลิงด้วยสายตา Wire Rope Visual Inspections.

    บริการตรวจสอบลวดสลิงด้วยสายตา Wire Rope Visual Inspections.

     ได้รับการรับรองจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน

    🧰 บริการตรวจสอบลวดสลิงด้วยสายตา
    Wire Rope Visual Inspections
    เล็กน้อยที่มองข้าม = ความเสี่ยงมหาศาล!
    ลวดสลิง คือหัวใจของการยก-เคลื่อนย้ายของหนัก
    แต่รู้หรือไม่? แค่รอยแตก เส้นลวดขาดเพียงเส้นเดียว อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุที่คุณไม่คาดคิด!
    บริการตรวจสอบลวดสลิงด้วยสายตา ของเรา
    ช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าอุปกรณ์ของคุณพร้อมใช้งานอย่างปลอดภัย!

    🔍 ขอบเขตการตรวจสอบ
    ✅ ตรวจสอบการขาดของเส้นลวด (Broken Wires)
    ✅ ตรวจสอบการสึกหรอ และการกัดกร่อน (Corrosion)
    ✅ ตรวจสอบการบิดเบี้ยว หรือบวมตัวผิดรูป
    ✅ ตรวจสอบร่องรอยการถูกบีบอัด และความเสียหายจากการใช้งาน
    ✅ จัดทำรายงานผลตรวจสอบ พร้อมคำแนะนำโดยวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ

    💡 ทำไมต้องตรวจลวดสลิง?
    ✔️ ลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด
    ✔️ ประหยัดงบประมาณซ่อมแซม-เปลี่ยนอุปกรณ์ฉุกเฉิน
    ✔️ ปฏิบัติตามกฎหมายความปลอดภัยแรงงาน
    ✔️ เสริมความมั่นใจให้กับทีมงานและองค์กรของคุณ

    🧑‍🔧 ตรวจเร็ว ทันใจ ออกใบรับรองถูกต้อง!
    ให้ทีมผู้เชี่ยวชาญของเราช่วยดูแลความปลอดภัยของคุณ
    เพราะอุบัติเหตุป้องกันได้ ด้วยการตรวจสอบเชิงป้องกัน (Preventive Safety)

    บริการตรวจสอบลวดสลิงด้วยสายตา (Wire Rope Visual Inspections) คืออะไร?
    บริการตรวจสอบลวดสลิงด้วยสายตา (Wire Rope Visual Inspections) คือ การตรวจสอบลวดสลิงที่ใช้ในงานยกเคลื่อนย้าย ว่าอยู่ในสภาพที่ปลอดภัย เหมาะสมกับการใช้งาน หรือมีความเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุหรือความเสียหาย โดยใช้ การตรวจสอบด้วยสายตาโดยตรง จากผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการอบรมและมีประสบการณ์

    🔧 รายละเอียดการตรวจสอบ
    การตรวจสอบลวดสลิงด้วยสายตาจะเน้นไปที่:
    ✔️ ตรวจหาการขาดของเส้นลวดในแต่ละช่วง (Broken Wires)
    ✔️ ตรวจสอบร่องรอยการสึกหรอหรือการกัดกร่อน (Corrosion)
    ✔️ ตรวจสอบการบิดงอหรือเปลี่ยนรูปทรงผิดปกติ (Deformation)
    ✔️ ตรวจสอบการหลวมตัวของเกลียว หรือรอยแตกบนพื้นผิวลวด
    ✔️ ตรวจสอบจุดยึดปลายลวด (Socket, Clamp, Thimble)
    การตรวจสอบนี้จะช่วยประเมินว่าลวดสลิงยังคงเหมาะสมต่อการใช้งานหรือควรถอดเปลี่ยนใหม่ เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของพนักงานและอุปกรณ์ในหน้างาน

    💡 ทำไมต้องตรวจสอบลวดสลิงด้วยสายตา?
    ✅ ป้องกันอุบัติเหตุจากลวดสลิงขาดหรือเสียหาย
    ✅ รักษาประสิทธิภาพและอายุการใช้งานของลวดสลิง
    ✅ สอดคล้องกับข้อกำหนดของกฎหมายความปลอดภัย
    ✅ เสริมความมั่นใจให้กับผู้ใช้งานในทุกภารกิจยกเคลื่อนย้าย

    📋 ผลลัพธ์หลังการตรวจสอบ
    หลังการตรวจสอบ ผู้ตรวจจะจัดทำ รายงานผลการตรวจสอบอย่างละเอียด พร้อมคำแนะนำในการบำรุงรักษา, เปลี่ยนหรือซ่อมแซม เพื่อให้คุณมั่นใจในความปลอดภัยตลอดการใช้งาน

  • บริการตรวจสอบ Boom lift , X-lift , Scissor lift

    บริการตรวจสอบ Boom lift , X-lift , Scissor lift

     ได้รับการรับรองจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน

    บริการตรวจสอบ Boom Lift, X-Lift, Scissor Lift คืออะไร?
    บริการนี้คือการตรวจสอบความปลอดภัยของเครื่องจักรและอุปกรณ์ ยกคนทำงานบนที่สูง ได้แก่
    Boom Lift — รถกระเช้ายกสูงแบบแขนพับและแขนยืด
    X-Lift หรือเรียกกันว่า Scissor Lift — ลิฟต์ยกคนแนวตั้ง ใช้กลไกแบบกรรไกรยกตัวขึ้น-ลง
    Man Lift / Personnel Lift — ลิฟต์ยกเฉพาะบุคคล แบบเสาขึ้น-ลง
    โดยตรวจสอบตามมาตรฐานความปลอดภัยของกฎหมายแรงงาน และข้อกำหนดของกรมโรงงานอุตสาหกรรม ก่อนนำไปใช้งานในหน้างานจริง

    🧰 ขอบเขตงานตรวจสอบ Boom Lift, X-Lift, Scissor Lift
    ✔️ ตรวจสอบโครงสร้าง, ความแข็งแรงของตัวเครื่อง
    ✔️ ตรวจสอบระบบไฮดรอลิก, สายพาน, กระบอกสูบ
    ✔️ ตรวจสอบระบบเบรก, ระบบควบคุมการเคลื่อนที่
    ✔️ ตรวจสอบระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์นิรภัยทั้งหมด
    ✔️ ทดสอบการยกน้ำหนัก (Load Test) ตามค่าพิกัดที่ผู้ผลิตกำหนด
    ✔️ ตรวจสอบตามมาตรฐานความปลอดภัยและออกใบรับรองโดยวิศวกร
    💡 ประโยชน์ของการตรวจสอบ
    ✅ ลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุระหว่างใช้งาน
    ✅ ปฏิบัติตามข้อกำหนดของกฎหมายด้านความปลอดภัย
    ✅ เพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ใช้งานและลูกค้า
    ✅ ยืดอายุการใช้งานของเครื่องจักร ลดค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงฉุกเฉิน

    🔥 ตรวจสอบ Boom Lift, X-Lift, Scissor Lift
    งานสูงปลอดภัย… วางใจมืออาชีพ!
    เพราะความปลอดภัย คือเรื่องใหญ่!
    ก่อนที่คุณจะยกพนักงานขึ้นไปทำงานในที่สูง
    มั่นใจหรือยังว่าเครื่องของคุณ “พร้อม” และ “ปลอดภัย” จริง ๆ?
    เราคือผู้เชี่ยวชาญด้าน บริการตรวจสอบและออกใบรับรอง Boom Lift, X-Lift, Scissor Lift
    ครบวงจรตามมาตรฐานความปลอดภัยอุตสาหกรรม!

    💼 บริการของเรา ครอบคลุม:
    ✅ ตรวจสอบโครงสร้าง แข็งแรง มั่นคง ปลอดภัย
    ✅ ตรวจเช็คระบบไฮดรอลิก ระบบไฟฟ้า และอุปกรณ์ป้องกัน
    ✅ ทดสอบน้ำหนักจริง (Load Test) พร้อมออกใบรับรอง
    ✅ ตรวจสอบตามข้อกำหนด กฎหมายแรงงาน และกรมโรงงาน

    🚀 ทำไมต้องเลือกเรา?
    💡 ทีมวิศวกรมืออาชีพ มีใบอนุญาตรับรอง
    💡 รายงานตรวจสอบละเอียด พร้อมคำแนะนำ
    💡 รวดเร็ว ทันเวลา ราคายุติธรรม
    💡 เพิ่มความเชื่อมั่นให้พนักงานและลูกค้า
    💡 ผ่านการรับรองตามกฎหมาย มั่นใจเต็ม 100%

    📞 พร้อมให้บริการแล้วทั่วประเทศ!
    อย่ารอให้อุบัติเหตุเกิดก่อน ถึงจะเริ่มใส่ใจ!
    ติดต่อเราเพื่อขอใบเสนอราคาวันนี้!

  • บริการตรวจสอบกระเช้า (Man Basket)

    บริการตรวจสอบกระเช้า (Man Basket)

     ได้รับการรับรองจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน

    บริการตรวจสอบกระเช้า (Man Basket) คืออะไร?
    Man Basket หรือที่เรียกกันว่า กระเช้ายกคน
    เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ร่วมกับเครน, รถเฮี๊ยบ, หรือรถบูมลิฟต์ สำหรับยกพนักงานขึ้นไปทำงานในที่สูง เช่น งานติดตั้ง, งานซ่อมบำรุง, งานทาสี หรือ งานเชื่อมในพื้นที่สูง
    เพื่อความปลอดภัยสูงสุด กระเช้าจำเป็นต้องผ่านการตรวจสอบตามมาตรฐานความปลอดภัยของกรมโรงงานอุตสาหกรรม และตามข้อกำหนดของกฎหมายก่อนนำไปใช้งาน

    🔧 ขอบเขตการให้บริการตรวจสอบกระเช้า (Man Basket)
    ✔️ ตรวจสอบความสมบูรณ์ของโครงสร้างเหล็กของกระเช้า
    ✔️ ตรวจสอบการเชื่อม, การแตกร้าว, การบิดงอของตัวกระเช้า
    ✔️ ตรวจสอบราวกันตก, จุดยึดเข็มขัดนิรภัย, พื้นกระเช้า และล้อรองรับ
    ✔️ ตรวจสอบระบบล็อคและอุปกรณ์เสริมความปลอดภัย
    ✔️ ทดสอบน้ำหนัก (Load Test) ตามกำหนด
    ✔️ ออกใบรับรองผลตรวจสอบโดยวิศวกรที่ได้รับใบอนุญาต (Certificate)

    ประโยชน์ของการตรวจสอบกระเช้า (Man Basket)
    ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุขณะใช้งาน
    เป็นไปตามกฎหมายแรงงานและข้อกำหนดของหน่วยงานราชการ
    เสริมความมั่นใจให้ผู้ปฏิบัติงานในที่สูง
    สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กรเรื่องความปลอดภัย

  • บริการ ตรวจสอบแนวเชื่อม แบบ PT ,MT, UT

    บริการ ตรวจสอบแนวเชื่อม แบบ PT ,MT, UT

     ได้รับการรับรองจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน

     บริการ ตรวจสอบแนวเชื่อม แบบ PT ,MT, UT

    1.1 การทดสอบโดยใช้สารแทรกซึม Liquid Penetrant Testing ( PT )
         เป็นการหารอยแตกร้าวบนพื้นผิวทุกชนิดที่ ผิวหน้าเรียบ ไม่เป็นรูพรุน เหมาะกับการตรวจรอยแตกร้าวของภาชนะแรงดันหรือสารเคมีที่ไม่ได้ทำจากเหล็กคาร์บอน (Ferrous Steel) เช่น Stainless , Fiber glass  ฯลฯ การทดสอบอาศัยหลักการทาหรือพ่น ของเหลวย้อมสีที่มีคุณสมบัติแทรกซึมเข้าไปในรอยร้าวหรือรูเล็กๆ ได้ดี จากนั้นจะใช้สารเคมีหรือน้ำยาที่มีคุณลักษณะคล้ายกระดาษซับ โรยบริเวณที่จะทำการการทดสอบ หากมีรอยแตกร้าวจะเกิดเป็นเส้นหรือแนวให้เห็นอย่างเด่นชัด
    1.2 การทดสอบโดยใช้ผงแม่เหล็ก Magnetic Particle Testing ( MT ) 
           เป็นการหารอยร้าวบนพื้นผิวของวัสดุที่เป็นโลหะประเภทเหล็ก โดยอาศัยการเหนี่ยวนำจากไฟฟ้ากระแสตรง (DC Current) หรือไฟฟ้ากระแสสลับ (AC Current) บริเวณที่จะทดสอบให้เป็นแม่เหล็ก และทำการโรยผงเหล็กย้อมสีขนาดเล็กลงบนบริเวณที่ทดสอบ หากมีรอยแตกร้าวขนาดเล็กบนผิวชิ้นงาน จะมีสนามแม่เหล็กรั่วในบริเวณดังกล่าวและดึงดูดผงเหล็กให้เกาะกันเป็นแนวเส้นที่เห็นได้อย่างเด่นชัด โดยมีแบบเห็นด้วยตาเปล่าและแบบใช้แสง Black Light

    1.3 การทดสอบโดยคลื่นความถี่ Ultrasonic Testing ( UT )

                 คลื่นความถี่สูงถูกนำมาประยุกต์ใช้ในการทดสอบโดยไม่ทำลายอย่างมากมาย
          มีการพัฒนาตลอดเวลาและกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบัน
          บริษัทฯได้นำความรู้ด้านคลื่นความถี่สูงมาประยุกต์ใช้กับงานทดสอบ ดังนี้      1.3.1   การหาความหนาวัสดุโดยใช้คลื่นความถี่สูง (Ultrasonic Thickness Measurement)   ใช้หาความหนาที่เหลืออยู่ภายหลังการใช้งานของภาชนะบรรจุแรงดัน เช่น ถัง LPG, NGV, ถังบรรจุสารเคมี เนื่องจาก เมื่อถังหรือ  อุปกรณ์ดังกล่าวเมื่อใช้ไปนานๆ หรือถูกสารเคมีที่กัดกร่อนสูง จะบางลงจนไม่สามารถรับแรงหรือภาระต่างๆตามที่ได้ออกแบบไว้   
         1.3.2    การหาความสมบูรณ์ของโลหะโดยคลื่นความถี่สูง (Ultrasonic Flaw Detector)  เป็นการใช้คลื่นความถี่สูง ในการตรวจความสมบูรณ์ของเนื้อโลหะภายหลังการขึ้นรูปด้วยการเชื่อม (Welding) การหล่อ (Casting, foundry) ของถังและเครื่องจักรอุปกรณ์ สามารถตรวจหาตำหนิที่มีลักษณะระนาบ (Planar Defect) เช่น การหลอมละลายไม่สมบูรณ์, รอยร้าว ได้ดี
        Cr. ราชพฤษ์วิศวกรรม 

  • บริการตรวจสอบ สายส่งน้ำดับเพลิง & วาล์วจ่ายน้ำ

    บริการตรวจสอบ สายส่งน้ำดับเพลิง & วาล์วจ่ายน้ำ

     ได้รับการรับรองจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน

    กฎกระทรวง
    กำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับการป้องกันและระงับอัคคีภัยพ.ศ. ๒๕๕๕

    อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง และมาตรา ๘ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติ ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. ๒๕๕๔ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๓ มาตรา ๔๑ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้

    หมวด ๑ บททั่วไป
    ข้อ ๒ ให้นายจ้างจัดให้มีระบบป้องกันและระงับอัคคีภัยในสถานประกอบกิจการตามกฎกระทรวงนี้ และต้องดูแลระบบป้องกันและระงับอัคคีภัยให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ในสถานประกอบกิจการที่มีลูกจ้างตั้งแต่สิบคนขึ้นไป นอกจากต้องปฏิบัติตามข้อ ๓ แล้ว ให้นายจ้างจัดให้มีแผนป้องกันและระงับอัคคีภัย ประกอบด้วยการตรวจตรา การอบรม การรณรงค์ป้องกันอัคคีภัย การดับเพลิง การอพยพหนีไฟ และการบรรเทาทุกข์ ให้นายจ้างจัดเก็บแผนป้องกันและระงับอัคคีภัย ณ สถานประกอบกิจการพร้อมที่จะให้พนักงานตรวจความปลอดภัยตรวจสอบได้

    หมวด ๓ การดับเพลิง
    ข้อ ๑๒ ให้นายจ้างจัดให้มีระบบน้ำดับเพลิงและอุปกรณ์ประกอบเพื่อใช้ในการดับเพลิงที่สามารถดับเพลิงขั้นต้นได้อย่างเพียงพอในทุกส่วนของอาคาร
    (๒) ระบบการส่งน้ำ ที่เก็บกักน้ำ เครื่องสูบน้ำดับเพลิง และการติดตั้ง จะต้องได้รับการตรวจสอบและรับรองจากวิศวกรตามกฎหมายว่าด้วยวิศวกร
    (๓) ข้อต่อท่อรับน้ำดับเพลิงเข้าอาคารและข้อต่อส่งน้ำภายในอาคารจะต้องเป็นระบบเดียวกับที่ใช้ในหน่วยดับเพลิงของทางราชการในท้องถิ่น หรือต้องมีอุปกรณ์ที่จะช่วยสวมระหว่างข้อต่อที่ใช้กับหน่วยดับเพลิงของทางราชการในท้องถิ่นนั้น
    (๔) ข้อต่อสายส่งน้ำดับเพลิงและหัวฉีดดับเพลิงจะต้องเป็นระบบเดียวกับที่ใช้ในหน่วยดับเพลิงของทางราชการในท้องถิ่นนั้น ซึ่งสามารถต่อเข้าด้วยกันได้หรือต้องมีอุปกรณ์ที่จะช่วยสวมระหว่างข้อต่อหรือหัวฉีดดับเพลิงดังกล่าว
    (๕) สายส่งน้ำดับเพลิงต้องมีความยาวหรือต่อกันให้มีความยาวเพียงพอที่จะควบคุมบริเวณที่เกิดเพลิงไหม้ได้
    ข้อ ๑๓ ให้นายจ้างจัดให้มีเครื่องดับเพลิงแบบเคลื่อนย้ายได้ โดยต้องปฏิบัติ
    (๑) จัดให้มีเครื่องดับเพลิงแบบเคลื่อนย้ายได้ตามประเภทของเพลิง ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานที่สานักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมกำหนด
    (๒) เครื่องดับเพลิงแบบเคลื่อนย้ายได้ทุกเครื่อง ต้องจัดให้มีเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์แสดงว่าเป็นชนิดใด ใช้ดับเพลิงประเภทใด และเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์นั้นต้องมีขนาดที่มองเห็นได้อย่างชัดเจนในระยะไม่น้อยกว่าหนึ่งเมตรห้าสิบเซนติเมตร
    (๕) จัดให้มีการดูแลรักษาและตรวจสอบเครื่องดับเพลิงให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ดี โดยการตรวจสอบต้องไม่น้อยกว่าหกเดือนต่อหนึ่งครั้ง พร้อมกับติดป้ายแสดงผลการตรวจสอบและวันที่ทำการตรวจสอบครั้งสุดท้ายไว้ที่อุปกรณ์ดังกล่าว และเก็บผลการตรวจสอบไว้ให้พนักงานตรวจความปลอดภัยตรวจได้ตลอดเวลา รวมทั้งต้องมีการซ่อมบำรุงและเปลี่ยนถ่ายสารดับเพลิงตามข้อกำหนดของผู้ผลิตด้วย

    ข้อ ๑๔ กรณีที่นายจ้างจัดให้มีระบบดับเพลิงอัตโนมัติ ให้ปฏิบัติ ดังต่อไปนี้
    (๑) ระบบดับเพลิงอัตโนมัติต้องเป็นไปตามมาตรฐานของสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
    (๒) ต้องเปิดวาล์วประธานที่ควบคุมระบบจ่ายน้ำเข้าอยู่ตลอดเวลา และจัดให้มีผู้ควบคุมดูแลให้ใช้งานได้ตลอดเวลา
    (๔) ต้องไม่มีสิ่งกีดขวางทางน้ำหรือสารดับเพลิงอื่นจากหัวฉีดดับเพลิงโดยรอบ

  • บริการตรวจสอบ Boiler หม้อไอน้ำและภาชนะรับแรงดัน

    บริการตรวจสอบ Boiler หม้อไอน้ำและภาชนะรับแรงดัน

     ได้รับการรับรองจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน

    บริษัท อินดักชั่น เซฟตี้ แอนด์ เทรนนิ่ง อีควิปเม้นท์ จำกัด ได้ผ่านการขึ้นทะเบียนตามประกาศใช้กฎหมายใหม่ของกองความปลอดภัยแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ตามมาตรา 11 สำหรับ ผู้ทดสอบเครื่องจักร (ลิฟต์,เครื่องจักรสำหรับยกขนขึ้นทำงานบนที่สูง,รอก) ปั้นจั่น, หม้อน้ำ,หม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน,ภาชนะรับแรงดัน ตามกฎกระทรวงการขึ้นทะเบียนและการอนุญาตให้บริการเพื่อส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ.๒๕๖๔

    การตรวจสอบ  Boiler หม้อไอน้ำและภาชนะรับแรงดัน
    กฏกระทรวงฉบับที่ 2 (พ.ศ.2535) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535
    ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 109 ตอนที่ 108 ลงวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2535

    มีเนื้อหาและสาระสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการใช้หม้อไอน้ำ ดังนี้ข้อ 6 เครื่องจักร เครื่องอุปกรณ์ หรือสิ่งที่นำมาใช้ในโรงงานต้องเป็นดังต่อไปนี้
    มั่นคง แข็งแรง และเหมาะสม และในกรณีมีเหตุอันควร รัฐมนตรีจะกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้การนำเครื่องจักร อุปกรณ์ หรือสิ่งที่นำมาใช้ในโรงงานชนิดใดต้องมีคำรับรองของผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมหรือบุคคลอื่นที่รัฐมนตรีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาก็ได้
    ใช้เครื่องจักรที่มีความปลอดภัยและไม่ก่อให้เกิดความสั่นสะเทือนเสียง หรือคลื่นวิทยุ รบกวนผู้อยู่อาศัยใกล้เคียง
    มีเครื่องป้องกันอันตรายอันอาจเกิดจากส่วนที่เคลื่อนไหวของเครื่องจักรตามความจำเป็นเหมาะสม
    บ่อหรือถังเปิดที่ทำงานสนองกันกับเครื่องจักรที่อาจเป็นอันตรายในการปฏิบัติงานของคนงาน ต้องมีขอบหรือราวกั้นแข็งแรงและปลอดภัยทางด้านที่คนเข้าถึงได้สูงไม่น้อยกว่า 100 เซนติเมตร จากระดับพื้นที่ติดกับบ่อหรือถังนั้น
    หม้อไอน้ำ (boiler) หม้อต้มที่ใช้ของเหลวหรือก๊าซหรือเป็นสื่อนำความร้อน เครื่องอัดก๊าซ (compressor) หรือถังปฏิกิริยา (reactor) และระบบท่อ เครื่องจักรหรือภาชนะที่ทำงานสนองกัน โดยมีความกดดันแตกต่างจากบรรยากาศ ซึ่งใช้กับหม้อไอน้ำ หม้อต้มที่ใช้ ของเหลวหรือก๊าซเป็นสื่อนำความร้อน เครื่องอัดก๊าซ หรือถังปฏิกิริยาดังกล่าว ต้องได้รับการออกแบบคำนวณ และสร้างตามมาตรฐานที่ยอมรับ หรือผ่านการทดสอบความปลอดภัยในการใช้งาน โดยมีคำรับรองของผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมหรือบุคคลอื่นที่รัฐมนตรีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาการติดตั้งต้องมั่นคงแข็งแรงปลอดภัยในการใช้งาน มีอุปกรณ์ความปลอดภัย และมีส่วนประกอบที่จำเป็นตามหลักวิชาการ โดยมีคำรับรองของผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมหรือบุคคลอื่นที่รัฐมนตรีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
    ภาชนะบรรจุที่มีความกดดันต่างจากบรรยากาศ (pressure vessel) ต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่ยอมรับ มีอุปกรณ์ความปลอดภัยและส่วนประกอบที่จำเป็นตามหลักวิชาการ โดยมีคำรับรองของผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมหรือบุคคลอื่น ที่รัฐมนตรีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
    ภาชนะบรรจุวัตถุอันตราย เช่น วัตถุไวไฟ วัตถุระเบิด วัตถุเคมี หรือของเหลวอื่นใดที่อาจทำให้เกิดอันตรายแก่บุคคล สัตว์ พืช ทรัพย์ หรือสิ่งแวดล้อมที่มีขนาดของภาชนะบรรจุตั้งแต่ 25,000 ลิตรขึ้นไปต้องมั่นคงแข็งแรงเป็นไปตามมาตรฐานที่ยอมรับโดยมีคำรับรองของผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมหรือบุคคลอื่นที่รัฐมนตรีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาและต้องสร้างเขื่อนหรือกำแพงคอนกรีตโดยรอบให้มีขนาดที่สามารถจะกักเก็บปริมาณของวัตถุดังกล่าวได้ทั้งหมด เว้นแต่กรณีที่มีภาชนะบรรจุมากกว่าหนึ่งถังให้สร้างเขื่อนที่สามารถเก็บกักวัตถุอันตรายนั้น เท่ากับปริมาตรของถังเก็บขนาดใหญ่ที่สุด เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของวัตถุที่บรรจุได้อย่างมีประสิทธิภาพในกรณีเมื่อเกิดวิบัติแก่ภาชนะดังกล่าว และต้องจัดให้มีวัตถุหรือเคมีภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมในการระงับหรือลดความรุนแรงของการแพร่กระจายได้อย่างเหมาะสมและเพียงพอ
    ในกรณีที่ภาชนะบรรจุนั้นตั้งอยู่ในที่โล่งแจ้ง ต้องมีสายล่อฟ้าให้เป็นไปตามหลักวิชาการและภาชนะบรรจุที่อาจเกิดประจุไฟฟ้าสถิตย์ได้ในตัวต้องต่อสายดิน
    การติดตั้งท่อและอุปกรณ์สำหรับส่งวัตถุตามท่อต้องเป็นไปตามหลักวิชาการที่ยอมรับกัน
    ระบบไฟฟ้า การเดินสายไฟฟ้า และการติดตั้งเครื่องยนต์ไฟฟ้า สวิทซ์ไฟฟ้าและอุปกรณ์เครื่องไฟฟ้าอื่น ต้องเป็นไปตามหลักวิชาการที่ยอมรับกันโดยมีคำรบรองของผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมหรือบุคคลอื่นที่รัฐมนตรีกำหนด โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา 
     
    ข้อ 8 โรงงานที่มีการใช้หม้อไอน้ำ (Boiler) หรือหม้อต้มที่ใช้ของเหลวหรือก๊าซเป็นสื่อนำความร้อนที่มีความกดดันต่างจากบรรยากาศ ผู้ประกอบกิจการต้องจัดให้มีผู้ควบคุม (Operator) ประจำหม้อไอน้ำ (Boiler) หรือหม้อต้มที่ใช้ของเหลวหรือก๊าซเป็นสื่อนำความร้อน ทั้งนี้ โดยผู้ควบคุมดังกล่าว ต้องมีคุณวุฒิได้รับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง สาขาช่างกลโรงงาน หรือช่างยนต์ หรือช่างผู้ชำนาญงานที่ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรผู้ควบคุมหม้อไอน้ำ (Boiler) จากกระทรวงอุตสาหกรรม หรือสถาบันอื่นที่กระทรวงอุตสาหกรรมรับรอง 
     
    โรงงานที่มีการใช้หม้อไอน้ำ (Boiler) ขนาดกำลังผลิตตั้งแต่ 20 ตันต่อชั่วโมงขึ้นไป นอกจากต้องดำเนินการจัดให้มีผู้ควบคุมดังกล่าวแล้ว ผู้ประกอบกิจการต้องจัดให้มีผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมหรือบุคคลอื่นที่รัฐมนตรีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นวิศวกรผู้ควบคุมและอำนวยการใช้หม้อไอน้ำ (Boiler) ด้วย 
     
     
    ข้อ 9 โรงงานที่ประกอบกิจการสร้างหรือซ่อมหม้อไอน้ำ (Boiler) หรือหม้อต้มที่ใช้ของเหลวหรือก๊าซเป็นสื่อนำความร้อนผู้ประกอบกิจการต้องจัดให้มีผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมหรือบุคคลอื่นที่รัฐมนตรีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นผู้ควบคุมการสร้างหรือการซ่อม
     
                                             กฏกระทรวง ฉบับที่ 3 (พ.ศ.2535)

    มีเนื้อหาและสาระสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการใช้หม้อไอน้ำ ดังนี้
    อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 6 และมาตรา 8 (7) แห่ง พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมออกกฎกระทรวงไว้ดังต่อไปนี้ 
    ข้อ 2 โรงงานที่มีการใช้หม้อไอน้ำ (Boiler) หรือหม้อต้มที่ใช้ของเหลวหรือก๊าซเป็นสื่อนำความร้อนที่มีความกดดันต่างจากบรรยากาศต้องจัดทำรายงานข้อมูลการตรวจและการทดสอบความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ 
    ข้อ 3 โรงงานที่ประกอบกิจการสร้างหรือซ่อมหม้อไอน้ำ (Boiler) หรือหม้อต้มที่ใช้ของเหลวหรือก๊าซเป็นสื่อนำความร้อนที่มีความกดดันต่างจากบรรยากาศต้องจัดทำรายงานข้อมูลการผลิต การตรวจและการทดสอบความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ 
    ข้อ 6 ให้โรงงานที่มีการผลิต การเก็บ หรือการใช้วัตถุอันตรายตามกฎหมายว่าด้วยวัตถุอันตราย ต้องจัดทำข้อมูลความปลอดภัย (Material Safety Data Sheet) เกี่ยวกับลักษณะอันตรายตามคุณสมบัติของวัตถุนั้นๆ
     


                           ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ 18 (พ.ศ.2528)

    อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 39(12) และ (16) แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2512 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการที่ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานมีหน้าที่ต้องกระทำการ ดังต่อไปนี้ 
    ข้อ 1 ให้ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานทุกประเภทหรือชนิดที่มีการใช้หม้อไอน้ำสำหรับประกอบกิจการโรงงานต้องจัดให้มีอุปกรณ์ป้องกันอันตราย ดังนี้ 
    ต้องติดตั้งลิ้นนิรภัย (Safety Valve) อย่างน้อย 2 ชุด ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของบ่าลิ้นนิรภัยไม่น้อยกว่า 15 มิลลิเมตร ที่สามารถตรวจทดสอบการใช้งานได้ง่ายสำหรับหม้อไอน้ำที่มีพื้นที่ผิวรับความร้อนน้อยกว่า 50 ตารางเมตร จะมีลิ้นนิรภัยเพียง 1 ชุด ก็ได้ในการติดตั้งลิ้นนิรภัยต้องไม่มีลิ้นเปิดปิด (Stop Value) คั่นระหว่างหม้อไอน้ำกับลิ้นนิรภัย และต้องมีท่อระบายไอน้ำจากลิ้นนิรภัยไปยังที่ที่เหมาะสมและปลอดภัย
    ต้องติดตั้งเครื่องวัดระดับน้ำชนิดหลอดแก้วไว้ให้เห็นได้ชัดพร้อมลิ้นปิดเปิดเพื่อตรวจสอบระดับน้ำและต้องมีท่อระบายไปยังที่เหมาะสมปลอดภัย ทั้งนี้ต้องจัดให้มีเครื่องป้องกันหลอดแก้วด้วย
    ต้องติดตั้งเครื่องวัดความดันไอน้ำ (Pressure Gauge) ขนาดหน้าปัทม์เส้นผ่านศูนย์กลางไม่น้อยกว่า 100 มิลลิเมตร มีสเกลสามารถวัดความดันได้ 1.5 ถึง 2 เท่า ของความดันใช้งานสูงสุดและต้องมีเครื่องหมายแสดงระดับความดันอันตรายไว้ให้เห็นได้ชัดเจน
    ต้องติดตั้งเครื่องสูบน้ำเข้าหม้อไอน้ำ (Feed Water Pump) ขนาดความสามารถอัดน้ำได้อย่างน้อย 1.5 เท่า ของความดันใช้งานสูงสุด และความสามารถในการสูบน้ำเข้าต้องมากกว่าอัตราการผลิตไอน้ำ
    ต้องติดตั้งลิ้นกันกลับ (Check Value)ที่ท่อน้ำเข้าหม้อไอน้ำโดยติดตั้งให้ใกล้หม้อไอน้ำมากที่สุดและมีขนาดเท่ากับท่อน้ำเข้า
    ต้องติดตั้งลิ้นจ่ายไอน้ำ (Main- Steam Value) ที่ตัวหม้อไอน้ำ
    โรงงานที่มีหม้อไอน้ำตั้งแต่ 2 เครื่องขึ้นไป ที่ใช้ท่อจ่ายไอน้ำร่วมกันต้องติดตั้งลิ้นกันกลับ (Check Value) ที่ท่อหลังลิ้นจ่ายไอน้ำ (Main Steam Value) ของหม้อไอน้ำแต่ละเครื่องฃ
    หม้อไอน้ำที่ใช้เชื้อเพลิงเหลว เช่น น้ำมัน ก๊าซ ต้องติดตั้งเครื่องควบคุมความดัน (Pressure Control) และเครื่องควบคุมระดับน้ำอัตโนมัติ (Water Level Control)
    ต้องติดตั้งสัญญาณเตือนอัตโนมัติ (Automatic Alarm) แจ้งอันตรายเมื่อระดับน้ำในหม้อไอน้ำต่ำกว่าระดับใช้งานปกติ
    ต้องจัดให้มีฉนวนหุ้มท่อจ่ายไอน้ำโดยตลอด
    ท่อน้ำ ท่อจ่ายไอน้ำ ลิ้นปิดเปิดทุกตัวและอุปกรณ์อื่นๆ ที่ใช้กับหม้อไอน้ำ ต้องเป็นชนิดที่ใช้สำหรับหม้อไอน้ำเท่านั้น และเหมาะสมกับความดันใช้งานด้วย
    หม้อไอน้ำที่สูงเกินกว่า 3 เมตรจากพื้นต้องติดตั้งบันไดและทางเดินไว้รอบหม้อไอน้ำ
    ต้องจัดให้มีลิ้นปิดเปิด (Blow Down Value) เพื่อระบายน้ำจากส่วนล่างสุดของหม้อไอน้ำ ให้สามารถระบายได้สะดวกไปยังที่ที่เหมาะสมและปลอดภัย
    ข้อ 3 ให้ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานทุกประเภทหรือชนิดที่มีการใช้หม้อไอน้ำหรือหม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน (ชนิดที่มีความดันสูงกว่าความดันบรรยากาศซึ่งมีรูปร่างคล้ายคลึงหม้อไอน้ำและใช้งานคล้ายคลึงกับหม้อไอน้ำ) สำหรับประกอบกิจการโรงงานต้องจัดให้มีผู้ควบคุมประจำหม้อไอน้ำหรือหม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน (Operator) ที่มีคุณวุฒิได้รับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง สาขาช่างกลโรงงาน หรือช่างยนต์ หรือช่างผู้ชำนาญงาน ที่ผ่านการทดสอบฝึกอบรมหลักสูตรผู้ควบคุมหม้อไอน้ำ จากกรมโรงงานอุตสาหกรรม หรือสถาบันอื่นที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมรับรอง 
    ข้อ 4 ให้ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานที่ประกอบกิจการโรงงานสร้างหรือซ่อมหม้อไอน้ำหรือหม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อนต้องจัดให้มีวิศวกรสาขาเครื่องกลผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมตามพระราชบัญญัติวิชาชีพวิศวกรรม พ.ศ. 2505 เป็นผู้ควบคุมการสร้างหรือซ่อม 
    ข้อ 5 วิศวกรผู้ตรวจทดสอบความปลอดภัยในการใช้งานหม้อไอน้ำหรือหม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน ผู้ควบคุมประจำหม้อไอน้ำหรือหม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน วิศวกรควบคุมและอำนวยการใช้หม้อไอน้ำ และวิศวกรควบคุมการสร้างหรือซ่อมหม้อไอน้ำหรือหม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อนตามที่กล่าวไว้ในข้อ 2 ข้อ 3 และข้อ 4 ต้องเป็นผู้ได้รับอนุญาตให้ขึ้นทะเบียนจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมตามระเบียบและวิธีการที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมกำหนด 
    ข้อ 6 กรณีผู้ได้รับใบอนุญาตให้ขึ้นทะเบียนเป็นวิศวกรควบคุม และอำนวยการใช้หม้อไอน้ำ วิศวกรควบคุมการสร้างหรือซ่อมหม้อไอน้ำหรือหม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อนและผู้ควบคุมประจำหม้อไอน้ำหรือหม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อนของผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานใดลาออก หรือไม่ปฏิบัติหน้าที่แล้ว หรือขาดต่ออายุการขึ้นทะเบียน หรือไม่ได้รับการอนุญาตให้ต่ออายุการขึ้นทะเบียน หรือถูกเพิกถอนการขึ้นทะเบียน ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานรายนั้น ต้องแจ้งให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมทราบทันที และจัดหามาทดแทนภายใน 30 วัน นับแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว 
    ข้อ 7 ประกาศฉบับนี้ให้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 90 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

                                     ประกาศกระทรวงมหาดไทย (พ.ศ. 2519)
                                     หมวด 2 ความปลอดภัยเกี่ยวกับหม้อไอน้ำ

    ข้อ 11 ให้นายจ้างซึ่งใช้หม้อน้ำปฏิบัติดังต่อไปนี้ 
    หม้อไอน้ำที่ใช้ต้องมีคุณภาพแข็งแรง สามารถทนความดันไอน้ำ (Safety Factor) ได้สูงไม่น้อยกว่าสี่เท่าของความดันที่ใช้งานปกติ
    รอบหม้อไอน้ำต้องมีฉนวนป้องกันการกระจายความร้อนตามผิวโดยรอบ
    ฐานรากที่ตั้งของหม้อไอน้ำและปล่องควัน ต้องจัดทำให้มั่นคง แข็งแรงโดยวิศวกรโยธา ซึ่ง ก.ว. รับรองเป็นผู้กำหนดและติดตั้งสายล่อฟ้าที่บนปล่องควันด้วย ทั้งนี้ไม่รวมถึงหม้อไอน้ำ และปล่องควันที่ใช้กับยานพาหนะ
    หม้อไอน้ำ ต้องจัดให้มีลิ้นปลอดภัย (Safety Valve) ที่ปรับความดันไอน้ำให้ถูกต้องไม่น้อยกว่าหนึ่งชุด และต้องไม่มีลิ้นปิดเปิด(Stop Valve) คั่นระหว่างหม้อไอน้ำกับลิ้นปลอดภัย
    ต้องติดตั้งเครื่องวัดความดันไอน้ำที่ผลิตได้ซึ่งมีเครื่องหมายแสดงระดับความดันอันตรายไว้ให้เห็นได้ชั
    ต้องติดตั้งเครื่องระดับน้ำชนิดเป็นหลอดแก้วไว้ให้เห็นได้ชัด และต้องมีเครื่อง ป้องกันหลอดแก้วไว้ด้วย
    ต้องติดตั้งสัญญาณเปล่งเสียงแจ้งอันตราย ในเมื่ออุปกรณ์หรือหม้อไอน้ำขัดข้องอันอาจเป็นเหตุให้เกิดอันตรายได้
    แผงควบคุมอัตโนมัติและเครื่องวัดต่างๆ ของหม้อไอน้ำต้องติดตั้งไว้ ณ ที่ซึ่งผู้ควบคุมสามารถมองเห็นเปลวไฟ ระดับน้ำและสัญญาณต่าง ๆ ได้ง่าย
    ต้องจัดทำท่อร้อยสายไฟฟ้าที่ต่อไปยังเครื่องควบคุมการทำงาน
    ภาชนะที่บรรจุแก๊สสำหรับใช้ในการติดไฟครั้งแรก ต้องเก็บไว้ในที่ปลอดภัยจากประกายไฟ และลิ้นปิดเปิดต้องไม่รั่วซึม
    ถังน้ำมันเชื้อเพลิงต้องติดตั้งไว้ ณ สถานที่ปลอดภัยจากการลุกไหม้และท่อน้ำมันเชื้อเพลิงต้องไม่รั่วหรือซึม การวางท่อน้ำมันเชื้อเพลิงต้องวางไว้ในที่ปลอดภัยและไม่กีดขวาง ในกรณีที่ใช้ไม้ฟืนขี้เลื่อย หรือวัสดุอื่นที่เป็นเชื้อเพลิงต้องจัดทำที่เก็บหรือเครื่องปิดบังให้ปลอดภัย
    ต้องทำฉนวนสีแดงห่อหุ้มท่อจ่ายไอน้ำโดยตลอด
    ต้องทำการตรวจซ่อมหม้อไอน้ำทุกส่วนไม่น้อยกว่าปีละหนึ่งครั้ง และได้รับการรับรองผลการตรวจจากวิศวกรเครื่องกล ซึ่ง ก.ว. รับรอง และผลของการตรวจสอบทางไฮโดรสแตติก (Hydrostatic) ของหม้อไอน้ำ ต้องมีค่าไม่น้อยกว่าหนึ่งเท่าครึ่งของความดันสูงสุดที่กำหนดให้ใช้สำหรับหม้อไอน้ำนั้น
    ต้องทำความสะอาดบริเวณรอบที่ตั้งหม้อไอน้ำมิให้มีคราบน้ำมันหรือสิ่งอื่นที่ติดไฟง่าย
    ข้อ 12 ให้นายจ้างจัดทำระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับวิธีการปฏิบัติงานที่ปลอดภัยในการตรวจอุปกรณ์หม้อไอน้ำทุกอย่างก่อนลงมือทำงานและแจ้งให้ผู้ปฏิบัติงานทราบ
    ข้อ 13 ผู้ควบคุมหม้อไอน้ำ ต้องเป็นช่างชั้นต้นซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับประกาศนียบัตรประโยคอาชีวศึกษาชั้นสูงแผนกเครื่องกล หรือแผนกช่างกลโรงงานหรือช่างชั้นต้น ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับประกาศนียบัตรวิชาชีพจากสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานกรมแรงงานสาขาช่างยนต์หรือช่างกลโรงงานหรือช่างผู้ชำนาญงานที่ผ่านการทดสอบจากสถาบันของทางราชการหรือรัฐวิสาหกิจหรือสถาบันอื่น ซึ่งกรมแรงงานรับรองว่าเป็นผู้สามารถควบคุมหม้อไอน้ำหรือช่างผู้ชำนาญงานที่ปฏิบัติงานภายใต้การควบคุมของวิศวกรซึ่ง ก.ว. รับรอง 
    ข้อ 14 การใช้หม้อไอน้ำที่มีอายุเกิน 10 ปี ต้องลดความดันที่ใช้งานสูงสุดลงจนหม้อไอน้ำนั้นสามารถทนความดันที่ใช้งานได้ไม่น้อยกว่า 6 เท่า 
    ข้อ 15 หม้อไอน้ำที่มีการเคลื่อนย้ายที่ติดตั้งแล้ว ต้องลดความดันที่ใช้งานสูงสุดลงจนหม้อไอน้ำนั้นสามารถทนความดันที่ใช้งานได้ไม่น้อยกว่า 5 เท่า
    ข้อ 16 เครื่องมือไฟฟ้าที่มีที่ครอบโลหะอยู่ส่วนใช้สำหรับจับถือ ซึ่งใช้ในการปฏิบัติงานซ่อมและบำรุงรักษาหม้อไอน้ำที่เปรียบชื้นหรือพื้นเป็นโลหะต้องต่อสายดิน หรือจัดทำด้วยวิธีอื่นใดที่อาจป้องกันอุบัติเหตุ เนื่องจากไฟฟ้ารั่วได้ 
    ข้อ 17 ถ้ามีหม้อไอน้ำติดตั้งอยู่ในห้องโดยเฉพาะห้องนั้นจะต้องมีทางออกได้ไม่น้อยกว่าสองทางซึ่งอยู่คนละด้าน และถ้าภายในห้องหม้อไอน้ำมีชั้นปฏิบัติงานหลายชั้น จะต้องทำทางออกไว้ทุกชั้นและต้องไม่มีสิ่งกีดขวางทางออกด้วย และเมื่อไฟฟ้าดับให้มีแสงสว่างฉุกเฉินส่องไปยังทางออกและเครื่องวัสดุต่างๆ รวมทั้งแผงควบคุมให้เห็นได้อย่างชัดเจน 
    ข้อ 18 หม้อไอน้ำที่สูงเกินกว่า 10 ฟุตจากพื้น ต้องทำบันไดและทางเดินไว้รอบหม้อไอน้ำเพื่อให้ผุ้ควบคุมหรือซ่อมแซมเดินได้โดยปลอดภัยบันไดและทางเดินนี้ต้องมีราวสำหรับจับและที่พื้นต้องมีขอบกั้นปลาย (Toe Board)

                                             ระเบียบกรมโรงงานอุตสาหกรรม
                            ว่าด้วยการขึ้นทะเบียนเป็นวิศวกรควบคุมและอำนวยการใช้หม้อไอน้ำ
                       วิศวกรตรวจทดสอบหม้อไอน้ำหรือหม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน 
            วิศวกรควบคุมการสร้างหรือซ่อมหม้อไอน้ำหรือต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อนและ
     ผู้ควบคุมประจำหม้อไอน้ำหรือหม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน พ.ศ.2528

    ตามความในประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ 18 (พ.ศ. 2528) ลงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2528 ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2512 เรื่องหน้าที่ของผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานกำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานจัดให้มีวิศวกรควบคุมและอำนวยการใช้หม้อไอน้ำ วิศวกรตรวจสอบหม้อไอน้ำ หรือหม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน และผู้ควบคุมประจำหม้อไอน้ำ หรือ หม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อนและบุคคลดังกล่าวต้องขึ้นทะเบียนตามระเบียบและวิธีการที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมกำหนดนั้นกรมโรงงานอุตสาหกรรมจึงวางระเบียบและวิธีการขึ้นทะเบียนไว้ดังต่อไปนี้ 
    ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า ระเบียบกรมโรงงานอุตสาหกรรมว่าด้วยการขึ้นทะเบียนเป็นวิศวกรควบคุมและอำนวยการใช้หม้อไอน้ำวิศวกรตรวจสอบหม้อไอน้ำหรือหม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน วิศวกรควบคุมการสร้างหรือซ่อมหม้อไอน้ำหรือหม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน และผู้ควบคุมประจำหม้อไอน้ำหรือหม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน พ.ศ. 2528 
    อนึ่งคำว่า “หม้อต้มฯ” ที่จะกล่าวต่อไปในระเบียบนี้ให้หมายถึง หม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน (ชนิดที่มีความดันสูงกว่าความดันบรรยากาศ ซึ่งมีรูปร่างคล้ายคลึงหม้อไอน้ำและใช้งานคล้ายคลึงกับหม้อไอน้ำ) 
    ข้อ 2 คุณสมบัติผู้ขอขึ้นทะเบียน 
    วิศวกรควบคุมและอำนวยการใช้หม้อไอน้ำ วิศวกรควบคุมการสร้างหรือซ่อมหม้อไอน้ำหรือหม้อต้มฯ ต้องเป็นวิศวกรสาขาเครื่องกล ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมตามพระราชบัญญัติวิชาชีพวิศวกรรม พ.ศ. 2505
    วิศวกรตรวจทดสอบหม้อไอน้ำหรือหม้อต้มฯ ต้องเป็นวิศวกรสาขาเครื่องกลประเภทสามัญวิศวกร หรือวุฒิวิศวกร หรือผู้ได้รับใบอนุญาตพิเศษให้ตรวจสอบหม้อไอน้ำตามพระราชบัญญัติวิชาชีพวิศวกรรม พ.ศ. 2505
    ผู้ควบคุมประจำหม้อไอน้ำหรือหม้อต้มฯ ต้องเป็นผู้มีคุณวุฒิได้รับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง สาขาช่างกลโรงงานหรือช่างยนต์หรือช่างผู้ชำนาญงานที่ผ่านการทดสอบหลักสูตรฝึกอบรมผู้ควบคุมหม้อไอน้ำ จากกรมแรงงานอุตสาหกรรมหรือสถาบันอื่นที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมรับรอง 
    ข้อ 5 หน้าที่และความรับผิดชอบของวิศวกรตรวจทดสอบหม้อไอน้ำหรือหม้อต้มฯ 
    5.1 ต้องใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ในการตรวจทดสอบหม้อไอน้ำดังต่อไปนี้ 
            1. ปั๊มน้ำแรงดันสูงสามารถอัดน้ำทดสอบได้เกินกว่า 1.5 เท่าของความดันใช้งานปกติของหม้อไอน้ำ 
            2. เครื่องทดสอบลิ้นนิรภัย (Safety Valve) 
            3. เครื่องทดสอบเกจวัดความดัน (Pressure Gauge) 
            4. เครื่องวัดความหนาของเหล็ก (Ultrasonic Thickness) ชนิดอ่านเป็นตัวเลข 
            5. อุปกรณ์วิเคราะห์คุณภาพน้ำ 

    5.2 เมื่อตรวจทดสอบพบว่าหม้อไอน้ำหรือหม้อต้มฯ หรือส่วนประกอบและหรืออุปกรณ์ของหม้อไอน้ำหรือของหม้อต้มฯ อยู่ในสภาพไม่ปลอดภัยต่อการใช้งาน ต้องแจ้งให้ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานดำเนินการปรับปรุง แก้ไขซ่อมแซม หรือเปลี่ยนให้อยู่ในสภาพที่ปลอดภัยต่อการใช้งานโดยด่วน 
    5.3 การตรวจทดสอบหม้อไอน้ำหรือหม้อต้มฯ ต้องดำเนินการตามข้อกำหนดหรือหลักเกณฑ์ในการตรวจทดสอบหรือตามหลักวิชาการของวิศวกรรม และกรอกรายงานการตรวจตามแบบเอกสารรับรองความปลอดภัยในการใช้หม้อไอน้ำหรือหม้อต้มฯ ตามแบบท้ายระเบียบนี้ 

  • จำหน่ายถังดับเพลิง อัดถังดับเพลิง เติมถังดับเพลิงราคาถูก เติมน้ำยา ,ผงเคมีแห้ง

    จำหน่ายถังดับเพลิง อัดถังดับเพลิง เติมถังดับเพลิงราคาถูก เติมน้ำยา ,ผงเคมีแห้ง

     ได้รับการรับรองจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน

    Fire Fighting system งานติดตั้งตู้ดับเพลิง
    บริการติดตั้งตู้ดับเพลิง ตามแบบและขนาดที่ต้องการ
    ตู้เก็บเครื่องดับเพลิง แบบเดี่ยว (Fire Extinguisher Cabinet)
    ติดตั้งตู้เก็บเครื่องดับเพลิง แบบคู่ (Fire Extinguisher Cabinet)
    ติดตั้งตู้เก็บสายดับเพลิง (Fire Hose Cabinet)
    ตู้เก็บสายดับเพลิงและอุปกรณ์ (Fire Hose Rack)
    ตู้เก็บขวานดับเพลิง (Fire Axe Cabinet)
    ตู้เก็บชุดดับเพลิง (Fire Cloth Cabinet)
     Fire Extinguisher  
    จำหน่ายถังดับเพลิงบริการเติมน้ำยาผงเคมี

    เครื่องดับเพลิงชนิดผงเคมีแห้ง ( Dry chemical )
    เครื่องดับเพลิงเคมี A.B.C. มีประสิทธิภาพสูง ในการดับเพลิง
    สามารถดับเพลิง Class A B C ไม้,ผ้า,กระดาษ,พลาสติก,ไฟฟ้าช๊อต, น้ำมัน,แก๊ส และเก็บไว้ได้นานโดยไม่เสื่อมคุณภาพ
    ผลิตจากโรงงานที่ได้มาตรฐาน ISO 9001 : 2008
    เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานความสามารถการดับเพลิงสูง FIRE RATING
    ตั้งแต่ 2A-2B ถึง 10 A 60B
    ได้ตามมาตรฐานกฎกระทรวง และประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน


    เครื่องดับเพลิงชนิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ( Co-2 )
    มีประสิทธิภาพดับไฟที่เกิดจากน้ำมัน แก๊ส และไฟฟ้าช๊อต
    เครื่องดับเพลิงชนิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ CO-2
    ชนิดตัวถังอลูมินั่มอัลลอยด์
    ฉีดแล้วจะระเหยหายไปได้เอง โดย ไม่ทิ้งคราบสกปรก และไม่ทำลายสิ่งของเครื่องใช้ 
    เหมาะสำหรับใช้ในห้องคอลโทรลไฟฟ้า ห้องคอมพิวเตอร์ ห้องเก็บวัสดุไวไฟ เครื่องจักร
    เก็บไว้ได้นานโดยไม่เสื่อมคุณภาพ
    เครื่องดับเพลิงชนิดโฟม
    สำหรับดับเพลิงขั้นต้นกับบริเวณพื้นที่ที่มีการเก็บสต็อคสารไวไฟ จำพวกของเหลว เช่น น้ำมัน , ทินเนอร์, 
    มีประสิทธิภาพในการดับเพลิง จำพวก ไม้ , ผ้า ,กระดาษ ,พลาสติก , ยาง , น้ำมันเชื้อเพลิง และสารเคมีทุกชนิด
    มีส่วนของน้ำช่วยลดอุณภูมิ
    มีคุณสมบัติพิเศษ โดยมีแผ่นฟิล์มน้ำปิดไอเชื้อเพลิง ปกคลุมมิให้ไฟย้อนติดขึ้นมาอีก

     เครื่องดับเพลิงชนิดน้ำสะสมแรงดัน
    ชนิดตัวถังแสตนเลส
    มีคุณสมบัติพิเศษในการดับเพลิงจำพวกของแข็งติดไฟได้ดี Fire Class A
    เหมาะสำหรับติดตั้ง ในห้องเก็บสินค้า หรือพื้นที่อื่น ๆ ที่อาจจะเกิดเพลิงไหม้ความทนทานป้องกันการกัดกร่อน และการเป็นสนิม

  • Maintenance & Service บริการตรวจเช็คและซ่อมบำรุงลิฟท์ PM รายปี

    Maintenance & Service บริการตรวจเช็คและซ่อมบำรุงลิฟท์ PM รายปี

     ได้รับการรับรองจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน

    Service Maintenance, PM  
    บริการตรวจเช็คและซ่อมบำรุงลิฟท์

          บริษัท อินดักชั่น หรือ  ISTE  ให้บริการซ่อมบำรุง Preventive Maintenance  หรือ PM ลิฟท์ขนของ ลิฟท์ชั่วคราวลิฟท์โดยสาร ให้บริการซ่อมแซมบำรุงรักษา พร้อมทั้งตรวจสภาพลิฟท์ตามกฏหมายกำหนด เพื่อความปลอดภัยและเพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของลิฟท์ และยังให้บริการ  Maintenance  ตรวจเช็คบำรุงรักษา บริการสัญญารายปี หรือ บริการเป็นรายครั้ง
    บริการดูแลลิฟท์รายปี โดยเข้าตรวจเช็คและซ่อมบำรุงปีละ 4 ครั้ง
    บริการเข้าซ่อมเครนกรณีเร่งด่วนซ่อมภายใน 24ชม.
    บริการตรวจเช็คเครนตามแบบฟอร์มของทางราชการ(ปจ.1)และเซ็นรับรองโดยวิศวกรเครื่องกล 
    ให้บริการตรวจเช็คบำรุงรักษา ทุกๆ 1 เดือน
    ให้บริการตรวจเช็คบำรุงรักษา ทุกๆ 3 เดือนให้บริการตรวจเช็คบำรุงรักษา ทุกๆ 6 เดือนให้บริการตรวจเช็คบำรุงรักษา ทุก 1ปี
    ให้บริการ Service 24 ชั่วโมง ซ่อมฉุกเฉินภายใน 24ชม. 
    การตรวจเช็คและซ่อมบำรุงลิฟท์ตามรายการ อาทิ เช่น
    ตรวจเช็คสภาพภายในห้องเครื่องลิฟต์ ความสะอาด การถ่ายเทของอากาศ และอุณหภูมิภายในห้องเครื่องลิฟต์
    ตรวจเช็คสภาพของเมนสวิทซ์ และจุดต่อต่างๆ ของ สายไฟเมน
    ตรวจเช็คสภาพและการทำงานของพู่เล่ตัวทำมุม สลิง
    ตรวจเช็คระบบการทำงาน และประสิทธิภาพการ ทำงาน ของระบบเบรคหยุดลิฟต์
    ตรวจเช็คสภาพระบบการทำงานของอุปกรณ์ควบคุม การจอดชั้นของลิฟต์ส่วนที่อยู่บนห้องเครื่องลิฟต์
    ตรวจเช็คสภาพและการทำงานของอุปกรณ์ควบคุม ความเร็วของลิฟต์ พร้อมตรวจเช็คสลิงดึงเบรค ฉุกเฉินส่วนที่อยู่บนห้องเครื่องลิฟต์
    ตรวจเช็คระบบเบรคและอุปกรณ์
    ตรวจเช็คพูเลย์ และสลิงลิฟท์
    ตรวจเช็คชุดเซฟตี้ Governor
    ตรวจเช็คสภาพ และระดับของน้ำมันหล่อลื่น ชุดเฟืองเกียร์ และตรวจเช็คพร้อมทำการหล่อลื่น จุดหมุนต่างๆ ของชิ้นส่วนอุปกรณ์ ที่อยู่บนห้อง เครื่องลิฟต์
    ตรวจเช็คสภาพ และการทำงานของไฟบอกตำแหน่ง ชั้นของลิฟต์ภายในตัวลิฟต์
    ตรวจเช็คชุดประตูชานพัก ประตูนอก / ประตูใน
    ตรวจเช็ค Safety Shoes, Microscan, Photocell
    ตรวจเช็คน้ำมันราง ชุดข้อต่อ จุดหมุนต่างๆ
    ทดสอบสภาพการวิ่งของลิฟต์ว่าวิ่งส่าย, สะดุดหรือ มีเสียงดังหรือไม่
    ทำความสะอาดอุปกรณ์ลิฟท์
    ตรวจเช็คและทดสอบอุปกรณ์แจ้งเหตุฉุกเฉินกรณี ลิฟต์ติด

    ส่วนประกอบของลิฟต์
    1. เครื่องจักรขับลิฟต์ (Traction Machine) เป็นอุปกรณ์หลักของระบบลิฟต์ ทำหน้าที่ขับเคลื่อนลิฟต์ขึ้นลง
    2. ชุดลูกถ่วง (Counterweight) ประกอบด้วยโครงเหล็กซึ่งบรรจุก้อนน้ำหนักที่ทำด้วยเหล็กหล่อ ทำหน้าที่ถ่วงดุลกับน้ำหนักของติ้ลฟต์และจำนวนผู้โดยสารเพื่อให้มอเตอร์ลิฟต์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
    3. รางลิฟต์ (Guide Rail) เป็นเหล็กรูปตัว T ทำหน้าที่นำร่องให้ลิฟต์วิ่งขึ้นลงในแนวที่กำหนดและรักษาตำแหน่งตัวลิฟต์ให้ทรงตัวและได้ศูนย์ตลอดเวลา รางลิฟต์มีหลายขนาดขึ้นอยู่กับขนาดของตัวลิฟต์ น้ำหนักบรรทุกและความเร็วลิฟต์ เป็นต้น โดยทั่วไประบบลิฟต์จะมีรางขนาดใหญ่สำหรับนำร่องตัวลิฟต์และรางขนาดเล็กกว่าสำหรับนำร่องชุดลูกถ่วง
    4. ตู้โดยสาร (Lift Car) ประกอบไปด้วยห้องโดยสารที่ยึดกับโครงเหล็กกล้าที่แข็งแรง พร้อมอุปกรณ์นิรภัย (Safety Gear) ป้องกันไม่ให้ลิฟต์ตก เมื่อสลิงขาดตู้โดยสารมีขนาดแตกต่างกันขึ้นอยู่กับประเภทและน้ำหนักบรรทุกของลิฟต์
    5. บัฟเฟอร์ (Buffer) เป็นอุปกรณ์ป้องกันไม่ให้ตัวลิฟต์กระแทกกับพื้นบ่อลิฟต์ กรณีลิฟต์วิ่งเลยชั้นล่างสุดเนื่องจากความผิดพลาดของระบบควบคุม บัฟเฟอร์จะผ่อนแรงกระแทกเพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อผู้โดยสาร
    6. ตู้คอนโทรล (Controller) ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของลิฟต์ทั้งระบบ เช่น ควบคุมความเร็ว ควบคุมการเปิดปิดประตูจัดคิวการวิ่งรับส่งผู้โดยสาร เป็นต้น และชนิดของคอนโทรลดังกล่าวยังแตกย่อยออกตามประเภทระบบขับเคลื่อนด้วย เช่น VVVF , DC Drive เป็นต้น
    7. ประตูหน้าชั้น (Landing Door) ระบบลิฟต์ทั่วไปจะมีประตู 2 ส่วน คือประตูในลิฟต์ (Car Door) และประตูหน้าชั้นต่างๆ ตามจำนวนชั้นจอดของลิฟต์ ปกติประตูหน้าชั้นจะเปิดปิดได้ก็ต่อเมื่อตัวลิฟต์จะต้องจอดอยู่ที่ชั้นนั้นและประตูที่ชั้นอื่นจะเปิดไม่ได้ ทั้งนี้เพื่อให้การใช้งานมีความปลอดภัยสูงสุด ประตูลิฟต์มีหลายแบบ ที่พบเห็นกันโดยทั่วไปจะมี
    – เปิดจากกึ่งกลาง (Center Opening)
    – เปิดจากด้านข้าง (Slide Opening)
    8. สลิงลิฟต์ (Wire Rope) ใช้สำหรับแขวนตัวลิฟต์และชุดลูกถ่วง และฉุดให้ลิฟต์ขึ้นลงด้วยแรงเสียดทานของลวดสลิงกับร่องของมูลเล่ย์
    9. ปุ่มกด (Button) ใช้สำหรับเรียกลิฟต์รับส่งไปยังชั้นต่างๆ ที่ต้องการ แผงปุ่มกดมีอยู่ 2 ส่วนคือ
    – แผงปุ่มกดในลิฟต์ (Car Operating Panel)
    ประกอบด้วยปุ่มเรียกไปตามชั้นต่างๆ ปุ่มปิด เปิดประตู ปุ่มแจ้งเหตุและอินเตอร์คอม
    – แผงปุ่มกดหน้าชั้น (Hall Button)
    ประกอบด้วยปุ่มเรียกลิฟต์มารับขาขึ้นและขาลงอย่างละปุ่ม
    10. สายเคเบิล (Travelling Cable) เป็นสายไฟที่วิ่งขึ้นลงพร้อมกับตัวลิฟต์ ทำหน้าที่เชื่อมสัญญาณ เช่น ปุ่มกดและสวิทซ์ต่างๆ ที่ตู้ลิฟต์กับตู้คอนโทรลในห้องเครื่อง