Tag: การใช้สารเคมี

  • บริการตรวจสอบ Boom lift , X-lift , Scissor lift

    บริการตรวจสอบ Boom lift , X-lift , Scissor lift

     ได้รับการรับรองจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน

    บริการตรวจสอบ Boom Lift, X-Lift, Scissor Lift คืออะไร?
    บริการนี้คือการตรวจสอบความปลอดภัยของเครื่องจักรและอุปกรณ์ ยกคนทำงานบนที่สูง ได้แก่
    Boom Lift — รถกระเช้ายกสูงแบบแขนพับและแขนยืด
    X-Lift หรือเรียกกันว่า Scissor Lift — ลิฟต์ยกคนแนวตั้ง ใช้กลไกแบบกรรไกรยกตัวขึ้น-ลง
    Man Lift / Personnel Lift — ลิฟต์ยกเฉพาะบุคคล แบบเสาขึ้น-ลง
    โดยตรวจสอบตามมาตรฐานความปลอดภัยของกฎหมายแรงงาน และข้อกำหนดของกรมโรงงานอุตสาหกรรม ก่อนนำไปใช้งานในหน้างานจริง

    🧰 ขอบเขตงานตรวจสอบ Boom Lift, X-Lift, Scissor Lift
    ✔️ ตรวจสอบโครงสร้าง, ความแข็งแรงของตัวเครื่อง
    ✔️ ตรวจสอบระบบไฮดรอลิก, สายพาน, กระบอกสูบ
    ✔️ ตรวจสอบระบบเบรก, ระบบควบคุมการเคลื่อนที่
    ✔️ ตรวจสอบระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์นิรภัยทั้งหมด
    ✔️ ทดสอบการยกน้ำหนัก (Load Test) ตามค่าพิกัดที่ผู้ผลิตกำหนด
    ✔️ ตรวจสอบตามมาตรฐานความปลอดภัยและออกใบรับรองโดยวิศวกร
    💡 ประโยชน์ของการตรวจสอบ
    ✅ ลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุระหว่างใช้งาน
    ✅ ปฏิบัติตามข้อกำหนดของกฎหมายด้านความปลอดภัย
    ✅ เพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ใช้งานและลูกค้า
    ✅ ยืดอายุการใช้งานของเครื่องจักร ลดค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงฉุกเฉิน

    🔥 ตรวจสอบ Boom Lift, X-Lift, Scissor Lift
    งานสูงปลอดภัย… วางใจมืออาชีพ!
    เพราะความปลอดภัย คือเรื่องใหญ่!
    ก่อนที่คุณจะยกพนักงานขึ้นไปทำงานในที่สูง
    มั่นใจหรือยังว่าเครื่องของคุณ “พร้อม” และ “ปลอดภัย” จริง ๆ?
    เราคือผู้เชี่ยวชาญด้าน บริการตรวจสอบและออกใบรับรอง Boom Lift, X-Lift, Scissor Lift
    ครบวงจรตามมาตรฐานความปลอดภัยอุตสาหกรรม!

    💼 บริการของเรา ครอบคลุม:
    ✅ ตรวจสอบโครงสร้าง แข็งแรง มั่นคง ปลอดภัย
    ✅ ตรวจเช็คระบบไฮดรอลิก ระบบไฟฟ้า และอุปกรณ์ป้องกัน
    ✅ ทดสอบน้ำหนักจริง (Load Test) พร้อมออกใบรับรอง
    ✅ ตรวจสอบตามข้อกำหนด กฎหมายแรงงาน และกรมโรงงาน

    🚀 ทำไมต้องเลือกเรา?
    💡 ทีมวิศวกรมืออาชีพ มีใบอนุญาตรับรอง
    💡 รายงานตรวจสอบละเอียด พร้อมคำแนะนำ
    💡 รวดเร็ว ทันเวลา ราคายุติธรรม
    💡 เพิ่มความเชื่อมั่นให้พนักงานและลูกค้า
    💡 ผ่านการรับรองตามกฎหมาย มั่นใจเต็ม 100%

    📞 พร้อมให้บริการแล้วทั่วประเทศ!
    อย่ารอให้อุบัติเหตุเกิดก่อน ถึงจะเริ่มใส่ใจ!
    ติดต่อเราเพื่อขอใบเสนอราคาวันนี้!

  • บริการตรวจสอบกระเช้า (Man Basket)

    บริการตรวจสอบกระเช้า (Man Basket)

     ได้รับการรับรองจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน

    บริการตรวจสอบกระเช้า (Man Basket) คืออะไร?
    Man Basket หรือที่เรียกกันว่า กระเช้ายกคน
    เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ร่วมกับเครน, รถเฮี๊ยบ, หรือรถบูมลิฟต์ สำหรับยกพนักงานขึ้นไปทำงานในที่สูง เช่น งานติดตั้ง, งานซ่อมบำรุง, งานทาสี หรือ งานเชื่อมในพื้นที่สูง
    เพื่อความปลอดภัยสูงสุด กระเช้าจำเป็นต้องผ่านการตรวจสอบตามมาตรฐานความปลอดภัยของกรมโรงงานอุตสาหกรรม และตามข้อกำหนดของกฎหมายก่อนนำไปใช้งาน

    🔧 ขอบเขตการให้บริการตรวจสอบกระเช้า (Man Basket)
    ✔️ ตรวจสอบความสมบูรณ์ของโครงสร้างเหล็กของกระเช้า
    ✔️ ตรวจสอบการเชื่อม, การแตกร้าว, การบิดงอของตัวกระเช้า
    ✔️ ตรวจสอบราวกันตก, จุดยึดเข็มขัดนิรภัย, พื้นกระเช้า และล้อรองรับ
    ✔️ ตรวจสอบระบบล็อคและอุปกรณ์เสริมความปลอดภัย
    ✔️ ทดสอบน้ำหนัก (Load Test) ตามกำหนด
    ✔️ ออกใบรับรองผลตรวจสอบโดยวิศวกรที่ได้รับใบอนุญาต (Certificate)

    ประโยชน์ของการตรวจสอบกระเช้า (Man Basket)
    ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุขณะใช้งาน
    เป็นไปตามกฎหมายแรงงานและข้อกำหนดของหน่วยงานราชการ
    เสริมความมั่นใจให้ผู้ปฏิบัติงานในที่สูง
    สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กรเรื่องความปลอดภัย

  • บริการ ตรวจสอบแนวเชื่อม แบบ PT ,MT, UT

    บริการ ตรวจสอบแนวเชื่อม แบบ PT ,MT, UT

     ได้รับการรับรองจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน

     บริการ ตรวจสอบแนวเชื่อม แบบ PT ,MT, UT

    1.1 การทดสอบโดยใช้สารแทรกซึม Liquid Penetrant Testing ( PT )
         เป็นการหารอยแตกร้าวบนพื้นผิวทุกชนิดที่ ผิวหน้าเรียบ ไม่เป็นรูพรุน เหมาะกับการตรวจรอยแตกร้าวของภาชนะแรงดันหรือสารเคมีที่ไม่ได้ทำจากเหล็กคาร์บอน (Ferrous Steel) เช่น Stainless , Fiber glass  ฯลฯ การทดสอบอาศัยหลักการทาหรือพ่น ของเหลวย้อมสีที่มีคุณสมบัติแทรกซึมเข้าไปในรอยร้าวหรือรูเล็กๆ ได้ดี จากนั้นจะใช้สารเคมีหรือน้ำยาที่มีคุณลักษณะคล้ายกระดาษซับ โรยบริเวณที่จะทำการการทดสอบ หากมีรอยแตกร้าวจะเกิดเป็นเส้นหรือแนวให้เห็นอย่างเด่นชัด
    1.2 การทดสอบโดยใช้ผงแม่เหล็ก Magnetic Particle Testing ( MT ) 
           เป็นการหารอยร้าวบนพื้นผิวของวัสดุที่เป็นโลหะประเภทเหล็ก โดยอาศัยการเหนี่ยวนำจากไฟฟ้ากระแสตรง (DC Current) หรือไฟฟ้ากระแสสลับ (AC Current) บริเวณที่จะทดสอบให้เป็นแม่เหล็ก และทำการโรยผงเหล็กย้อมสีขนาดเล็กลงบนบริเวณที่ทดสอบ หากมีรอยแตกร้าวขนาดเล็กบนผิวชิ้นงาน จะมีสนามแม่เหล็กรั่วในบริเวณดังกล่าวและดึงดูดผงเหล็กให้เกาะกันเป็นแนวเส้นที่เห็นได้อย่างเด่นชัด โดยมีแบบเห็นด้วยตาเปล่าและแบบใช้แสง Black Light

    1.3 การทดสอบโดยคลื่นความถี่ Ultrasonic Testing ( UT )

                 คลื่นความถี่สูงถูกนำมาประยุกต์ใช้ในการทดสอบโดยไม่ทำลายอย่างมากมาย
          มีการพัฒนาตลอดเวลาและกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบัน
          บริษัทฯได้นำความรู้ด้านคลื่นความถี่สูงมาประยุกต์ใช้กับงานทดสอบ ดังนี้      1.3.1   การหาความหนาวัสดุโดยใช้คลื่นความถี่สูง (Ultrasonic Thickness Measurement)   ใช้หาความหนาที่เหลืออยู่ภายหลังการใช้งานของภาชนะบรรจุแรงดัน เช่น ถัง LPG, NGV, ถังบรรจุสารเคมี เนื่องจาก เมื่อถังหรือ  อุปกรณ์ดังกล่าวเมื่อใช้ไปนานๆ หรือถูกสารเคมีที่กัดกร่อนสูง จะบางลงจนไม่สามารถรับแรงหรือภาระต่างๆตามที่ได้ออกแบบไว้   
         1.3.2    การหาความสมบูรณ์ของโลหะโดยคลื่นความถี่สูง (Ultrasonic Flaw Detector)  เป็นการใช้คลื่นความถี่สูง ในการตรวจความสมบูรณ์ของเนื้อโลหะภายหลังการขึ้นรูปด้วยการเชื่อม (Welding) การหล่อ (Casting, foundry) ของถังและเครื่องจักรอุปกรณ์ สามารถตรวจหาตำหนิที่มีลักษณะระนาบ (Planar Defect) เช่น การหลอมละลายไม่สมบูรณ์, รอยร้าว ได้ดี
        Cr. ราชพฤษ์วิศวกรรม 

  • บริการตรวจสอบ สายส่งน้ำดับเพลิง & วาล์วจ่ายน้ำ

    บริการตรวจสอบ สายส่งน้ำดับเพลิง & วาล์วจ่ายน้ำ

     ได้รับการรับรองจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน

    กฎกระทรวง
    กำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับการป้องกันและระงับอัคคีภัยพ.ศ. ๒๕๕๕

    อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง และมาตรา ๘ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติ ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. ๒๕๕๔ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๓ มาตรา ๔๑ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้

    หมวด ๑ บททั่วไป
    ข้อ ๒ ให้นายจ้างจัดให้มีระบบป้องกันและระงับอัคคีภัยในสถานประกอบกิจการตามกฎกระทรวงนี้ และต้องดูแลระบบป้องกันและระงับอัคคีภัยให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ในสถานประกอบกิจการที่มีลูกจ้างตั้งแต่สิบคนขึ้นไป นอกจากต้องปฏิบัติตามข้อ ๓ แล้ว ให้นายจ้างจัดให้มีแผนป้องกันและระงับอัคคีภัย ประกอบด้วยการตรวจตรา การอบรม การรณรงค์ป้องกันอัคคีภัย การดับเพลิง การอพยพหนีไฟ และการบรรเทาทุกข์ ให้นายจ้างจัดเก็บแผนป้องกันและระงับอัคคีภัย ณ สถานประกอบกิจการพร้อมที่จะให้พนักงานตรวจความปลอดภัยตรวจสอบได้

    หมวด ๓ การดับเพลิง
    ข้อ ๑๒ ให้นายจ้างจัดให้มีระบบน้ำดับเพลิงและอุปกรณ์ประกอบเพื่อใช้ในการดับเพลิงที่สามารถดับเพลิงขั้นต้นได้อย่างเพียงพอในทุกส่วนของอาคาร
    (๒) ระบบการส่งน้ำ ที่เก็บกักน้ำ เครื่องสูบน้ำดับเพลิง และการติดตั้ง จะต้องได้รับการตรวจสอบและรับรองจากวิศวกรตามกฎหมายว่าด้วยวิศวกร
    (๓) ข้อต่อท่อรับน้ำดับเพลิงเข้าอาคารและข้อต่อส่งน้ำภายในอาคารจะต้องเป็นระบบเดียวกับที่ใช้ในหน่วยดับเพลิงของทางราชการในท้องถิ่น หรือต้องมีอุปกรณ์ที่จะช่วยสวมระหว่างข้อต่อที่ใช้กับหน่วยดับเพลิงของทางราชการในท้องถิ่นนั้น
    (๔) ข้อต่อสายส่งน้ำดับเพลิงและหัวฉีดดับเพลิงจะต้องเป็นระบบเดียวกับที่ใช้ในหน่วยดับเพลิงของทางราชการในท้องถิ่นนั้น ซึ่งสามารถต่อเข้าด้วยกันได้หรือต้องมีอุปกรณ์ที่จะช่วยสวมระหว่างข้อต่อหรือหัวฉีดดับเพลิงดังกล่าว
    (๕) สายส่งน้ำดับเพลิงต้องมีความยาวหรือต่อกันให้มีความยาวเพียงพอที่จะควบคุมบริเวณที่เกิดเพลิงไหม้ได้
    ข้อ ๑๓ ให้นายจ้างจัดให้มีเครื่องดับเพลิงแบบเคลื่อนย้ายได้ โดยต้องปฏิบัติ
    (๑) จัดให้มีเครื่องดับเพลิงแบบเคลื่อนย้ายได้ตามประเภทของเพลิง ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานที่สานักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมกำหนด
    (๒) เครื่องดับเพลิงแบบเคลื่อนย้ายได้ทุกเครื่อง ต้องจัดให้มีเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์แสดงว่าเป็นชนิดใด ใช้ดับเพลิงประเภทใด และเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์นั้นต้องมีขนาดที่มองเห็นได้อย่างชัดเจนในระยะไม่น้อยกว่าหนึ่งเมตรห้าสิบเซนติเมตร
    (๕) จัดให้มีการดูแลรักษาและตรวจสอบเครื่องดับเพลิงให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ดี โดยการตรวจสอบต้องไม่น้อยกว่าหกเดือนต่อหนึ่งครั้ง พร้อมกับติดป้ายแสดงผลการตรวจสอบและวันที่ทำการตรวจสอบครั้งสุดท้ายไว้ที่อุปกรณ์ดังกล่าว และเก็บผลการตรวจสอบไว้ให้พนักงานตรวจความปลอดภัยตรวจได้ตลอดเวลา รวมทั้งต้องมีการซ่อมบำรุงและเปลี่ยนถ่ายสารดับเพลิงตามข้อกำหนดของผู้ผลิตด้วย

    ข้อ ๑๔ กรณีที่นายจ้างจัดให้มีระบบดับเพลิงอัตโนมัติ ให้ปฏิบัติ ดังต่อไปนี้
    (๑) ระบบดับเพลิงอัตโนมัติต้องเป็นไปตามมาตรฐานของสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
    (๒) ต้องเปิดวาล์วประธานที่ควบคุมระบบจ่ายน้ำเข้าอยู่ตลอดเวลา และจัดให้มีผู้ควบคุมดูแลให้ใช้งานได้ตลอดเวลา
    (๔) ต้องไม่มีสิ่งกีดขวางทางน้ำหรือสารดับเพลิงอื่นจากหัวฉีดดับเพลิงโดยรอบ

  • บริการตรวจสอบ Boiler หม้อไอน้ำและภาชนะรับแรงดัน

    บริการตรวจสอบ Boiler หม้อไอน้ำและภาชนะรับแรงดัน

     ได้รับการรับรองจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน

    บริษัท อินดักชั่น เซฟตี้ แอนด์ เทรนนิ่ง อีควิปเม้นท์ จำกัด ได้ผ่านการขึ้นทะเบียนตามประกาศใช้กฎหมายใหม่ของกองความปลอดภัยแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ตามมาตรา 11 สำหรับ ผู้ทดสอบเครื่องจักร (ลิฟต์,เครื่องจักรสำหรับยกขนขึ้นทำงานบนที่สูง,รอก) ปั้นจั่น, หม้อน้ำ,หม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน,ภาชนะรับแรงดัน ตามกฎกระทรวงการขึ้นทะเบียนและการอนุญาตให้บริการเพื่อส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ.๒๕๖๔

    การตรวจสอบ  Boiler หม้อไอน้ำและภาชนะรับแรงดัน
    กฏกระทรวงฉบับที่ 2 (พ.ศ.2535) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535
    ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 109 ตอนที่ 108 ลงวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2535

    มีเนื้อหาและสาระสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการใช้หม้อไอน้ำ ดังนี้ข้อ 6 เครื่องจักร เครื่องอุปกรณ์ หรือสิ่งที่นำมาใช้ในโรงงานต้องเป็นดังต่อไปนี้
    มั่นคง แข็งแรง และเหมาะสม และในกรณีมีเหตุอันควร รัฐมนตรีจะกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้การนำเครื่องจักร อุปกรณ์ หรือสิ่งที่นำมาใช้ในโรงงานชนิดใดต้องมีคำรับรองของผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมหรือบุคคลอื่นที่รัฐมนตรีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาก็ได้
    ใช้เครื่องจักรที่มีความปลอดภัยและไม่ก่อให้เกิดความสั่นสะเทือนเสียง หรือคลื่นวิทยุ รบกวนผู้อยู่อาศัยใกล้เคียง
    มีเครื่องป้องกันอันตรายอันอาจเกิดจากส่วนที่เคลื่อนไหวของเครื่องจักรตามความจำเป็นเหมาะสม
    บ่อหรือถังเปิดที่ทำงานสนองกันกับเครื่องจักรที่อาจเป็นอันตรายในการปฏิบัติงานของคนงาน ต้องมีขอบหรือราวกั้นแข็งแรงและปลอดภัยทางด้านที่คนเข้าถึงได้สูงไม่น้อยกว่า 100 เซนติเมตร จากระดับพื้นที่ติดกับบ่อหรือถังนั้น
    หม้อไอน้ำ (boiler) หม้อต้มที่ใช้ของเหลวหรือก๊าซหรือเป็นสื่อนำความร้อน เครื่องอัดก๊าซ (compressor) หรือถังปฏิกิริยา (reactor) และระบบท่อ เครื่องจักรหรือภาชนะที่ทำงานสนองกัน โดยมีความกดดันแตกต่างจากบรรยากาศ ซึ่งใช้กับหม้อไอน้ำ หม้อต้มที่ใช้ ของเหลวหรือก๊าซเป็นสื่อนำความร้อน เครื่องอัดก๊าซ หรือถังปฏิกิริยาดังกล่าว ต้องได้รับการออกแบบคำนวณ และสร้างตามมาตรฐานที่ยอมรับ หรือผ่านการทดสอบความปลอดภัยในการใช้งาน โดยมีคำรับรองของผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมหรือบุคคลอื่นที่รัฐมนตรีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาการติดตั้งต้องมั่นคงแข็งแรงปลอดภัยในการใช้งาน มีอุปกรณ์ความปลอดภัย และมีส่วนประกอบที่จำเป็นตามหลักวิชาการ โดยมีคำรับรองของผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมหรือบุคคลอื่นที่รัฐมนตรีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
    ภาชนะบรรจุที่มีความกดดันต่างจากบรรยากาศ (pressure vessel) ต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่ยอมรับ มีอุปกรณ์ความปลอดภัยและส่วนประกอบที่จำเป็นตามหลักวิชาการ โดยมีคำรับรองของผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมหรือบุคคลอื่น ที่รัฐมนตรีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
    ภาชนะบรรจุวัตถุอันตราย เช่น วัตถุไวไฟ วัตถุระเบิด วัตถุเคมี หรือของเหลวอื่นใดที่อาจทำให้เกิดอันตรายแก่บุคคล สัตว์ พืช ทรัพย์ หรือสิ่งแวดล้อมที่มีขนาดของภาชนะบรรจุตั้งแต่ 25,000 ลิตรขึ้นไปต้องมั่นคงแข็งแรงเป็นไปตามมาตรฐานที่ยอมรับโดยมีคำรับรองของผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมหรือบุคคลอื่นที่รัฐมนตรีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาและต้องสร้างเขื่อนหรือกำแพงคอนกรีตโดยรอบให้มีขนาดที่สามารถจะกักเก็บปริมาณของวัตถุดังกล่าวได้ทั้งหมด เว้นแต่กรณีที่มีภาชนะบรรจุมากกว่าหนึ่งถังให้สร้างเขื่อนที่สามารถเก็บกักวัตถุอันตรายนั้น เท่ากับปริมาตรของถังเก็บขนาดใหญ่ที่สุด เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของวัตถุที่บรรจุได้อย่างมีประสิทธิภาพในกรณีเมื่อเกิดวิบัติแก่ภาชนะดังกล่าว และต้องจัดให้มีวัตถุหรือเคมีภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมในการระงับหรือลดความรุนแรงของการแพร่กระจายได้อย่างเหมาะสมและเพียงพอ
    ในกรณีที่ภาชนะบรรจุนั้นตั้งอยู่ในที่โล่งแจ้ง ต้องมีสายล่อฟ้าให้เป็นไปตามหลักวิชาการและภาชนะบรรจุที่อาจเกิดประจุไฟฟ้าสถิตย์ได้ในตัวต้องต่อสายดิน
    การติดตั้งท่อและอุปกรณ์สำหรับส่งวัตถุตามท่อต้องเป็นไปตามหลักวิชาการที่ยอมรับกัน
    ระบบไฟฟ้า การเดินสายไฟฟ้า และการติดตั้งเครื่องยนต์ไฟฟ้า สวิทซ์ไฟฟ้าและอุปกรณ์เครื่องไฟฟ้าอื่น ต้องเป็นไปตามหลักวิชาการที่ยอมรับกันโดยมีคำรบรองของผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมหรือบุคคลอื่นที่รัฐมนตรีกำหนด โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา 
     
    ข้อ 8 โรงงานที่มีการใช้หม้อไอน้ำ (Boiler) หรือหม้อต้มที่ใช้ของเหลวหรือก๊าซเป็นสื่อนำความร้อนที่มีความกดดันต่างจากบรรยากาศ ผู้ประกอบกิจการต้องจัดให้มีผู้ควบคุม (Operator) ประจำหม้อไอน้ำ (Boiler) หรือหม้อต้มที่ใช้ของเหลวหรือก๊าซเป็นสื่อนำความร้อน ทั้งนี้ โดยผู้ควบคุมดังกล่าว ต้องมีคุณวุฒิได้รับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง สาขาช่างกลโรงงาน หรือช่างยนต์ หรือช่างผู้ชำนาญงานที่ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรผู้ควบคุมหม้อไอน้ำ (Boiler) จากกระทรวงอุตสาหกรรม หรือสถาบันอื่นที่กระทรวงอุตสาหกรรมรับรอง 
     
    โรงงานที่มีการใช้หม้อไอน้ำ (Boiler) ขนาดกำลังผลิตตั้งแต่ 20 ตันต่อชั่วโมงขึ้นไป นอกจากต้องดำเนินการจัดให้มีผู้ควบคุมดังกล่าวแล้ว ผู้ประกอบกิจการต้องจัดให้มีผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมหรือบุคคลอื่นที่รัฐมนตรีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นวิศวกรผู้ควบคุมและอำนวยการใช้หม้อไอน้ำ (Boiler) ด้วย 
     
     
    ข้อ 9 โรงงานที่ประกอบกิจการสร้างหรือซ่อมหม้อไอน้ำ (Boiler) หรือหม้อต้มที่ใช้ของเหลวหรือก๊าซเป็นสื่อนำความร้อนผู้ประกอบกิจการต้องจัดให้มีผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมหรือบุคคลอื่นที่รัฐมนตรีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นผู้ควบคุมการสร้างหรือการซ่อม
     
                                             กฏกระทรวง ฉบับที่ 3 (พ.ศ.2535)

    มีเนื้อหาและสาระสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการใช้หม้อไอน้ำ ดังนี้
    อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 6 และมาตรา 8 (7) แห่ง พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมออกกฎกระทรวงไว้ดังต่อไปนี้ 
    ข้อ 2 โรงงานที่มีการใช้หม้อไอน้ำ (Boiler) หรือหม้อต้มที่ใช้ของเหลวหรือก๊าซเป็นสื่อนำความร้อนที่มีความกดดันต่างจากบรรยากาศต้องจัดทำรายงานข้อมูลการตรวจและการทดสอบความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ 
    ข้อ 3 โรงงานที่ประกอบกิจการสร้างหรือซ่อมหม้อไอน้ำ (Boiler) หรือหม้อต้มที่ใช้ของเหลวหรือก๊าซเป็นสื่อนำความร้อนที่มีความกดดันต่างจากบรรยากาศต้องจัดทำรายงานข้อมูลการผลิต การตรวจและการทดสอบความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ 
    ข้อ 6 ให้โรงงานที่มีการผลิต การเก็บ หรือการใช้วัตถุอันตรายตามกฎหมายว่าด้วยวัตถุอันตราย ต้องจัดทำข้อมูลความปลอดภัย (Material Safety Data Sheet) เกี่ยวกับลักษณะอันตรายตามคุณสมบัติของวัตถุนั้นๆ
     


                           ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ 18 (พ.ศ.2528)

    อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 39(12) และ (16) แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2512 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการที่ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานมีหน้าที่ต้องกระทำการ ดังต่อไปนี้ 
    ข้อ 1 ให้ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานทุกประเภทหรือชนิดที่มีการใช้หม้อไอน้ำสำหรับประกอบกิจการโรงงานต้องจัดให้มีอุปกรณ์ป้องกันอันตราย ดังนี้ 
    ต้องติดตั้งลิ้นนิรภัย (Safety Valve) อย่างน้อย 2 ชุด ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของบ่าลิ้นนิรภัยไม่น้อยกว่า 15 มิลลิเมตร ที่สามารถตรวจทดสอบการใช้งานได้ง่ายสำหรับหม้อไอน้ำที่มีพื้นที่ผิวรับความร้อนน้อยกว่า 50 ตารางเมตร จะมีลิ้นนิรภัยเพียง 1 ชุด ก็ได้ในการติดตั้งลิ้นนิรภัยต้องไม่มีลิ้นเปิดปิด (Stop Value) คั่นระหว่างหม้อไอน้ำกับลิ้นนิรภัย และต้องมีท่อระบายไอน้ำจากลิ้นนิรภัยไปยังที่ที่เหมาะสมและปลอดภัย
    ต้องติดตั้งเครื่องวัดระดับน้ำชนิดหลอดแก้วไว้ให้เห็นได้ชัดพร้อมลิ้นปิดเปิดเพื่อตรวจสอบระดับน้ำและต้องมีท่อระบายไปยังที่เหมาะสมปลอดภัย ทั้งนี้ต้องจัดให้มีเครื่องป้องกันหลอดแก้วด้วย
    ต้องติดตั้งเครื่องวัดความดันไอน้ำ (Pressure Gauge) ขนาดหน้าปัทม์เส้นผ่านศูนย์กลางไม่น้อยกว่า 100 มิลลิเมตร มีสเกลสามารถวัดความดันได้ 1.5 ถึง 2 เท่า ของความดันใช้งานสูงสุดและต้องมีเครื่องหมายแสดงระดับความดันอันตรายไว้ให้เห็นได้ชัดเจน
    ต้องติดตั้งเครื่องสูบน้ำเข้าหม้อไอน้ำ (Feed Water Pump) ขนาดความสามารถอัดน้ำได้อย่างน้อย 1.5 เท่า ของความดันใช้งานสูงสุด และความสามารถในการสูบน้ำเข้าต้องมากกว่าอัตราการผลิตไอน้ำ
    ต้องติดตั้งลิ้นกันกลับ (Check Value)ที่ท่อน้ำเข้าหม้อไอน้ำโดยติดตั้งให้ใกล้หม้อไอน้ำมากที่สุดและมีขนาดเท่ากับท่อน้ำเข้า
    ต้องติดตั้งลิ้นจ่ายไอน้ำ (Main- Steam Value) ที่ตัวหม้อไอน้ำ
    โรงงานที่มีหม้อไอน้ำตั้งแต่ 2 เครื่องขึ้นไป ที่ใช้ท่อจ่ายไอน้ำร่วมกันต้องติดตั้งลิ้นกันกลับ (Check Value) ที่ท่อหลังลิ้นจ่ายไอน้ำ (Main Steam Value) ของหม้อไอน้ำแต่ละเครื่องฃ
    หม้อไอน้ำที่ใช้เชื้อเพลิงเหลว เช่น น้ำมัน ก๊าซ ต้องติดตั้งเครื่องควบคุมความดัน (Pressure Control) และเครื่องควบคุมระดับน้ำอัตโนมัติ (Water Level Control)
    ต้องติดตั้งสัญญาณเตือนอัตโนมัติ (Automatic Alarm) แจ้งอันตรายเมื่อระดับน้ำในหม้อไอน้ำต่ำกว่าระดับใช้งานปกติ
    ต้องจัดให้มีฉนวนหุ้มท่อจ่ายไอน้ำโดยตลอด
    ท่อน้ำ ท่อจ่ายไอน้ำ ลิ้นปิดเปิดทุกตัวและอุปกรณ์อื่นๆ ที่ใช้กับหม้อไอน้ำ ต้องเป็นชนิดที่ใช้สำหรับหม้อไอน้ำเท่านั้น และเหมาะสมกับความดันใช้งานด้วย
    หม้อไอน้ำที่สูงเกินกว่า 3 เมตรจากพื้นต้องติดตั้งบันไดและทางเดินไว้รอบหม้อไอน้ำ
    ต้องจัดให้มีลิ้นปิดเปิด (Blow Down Value) เพื่อระบายน้ำจากส่วนล่างสุดของหม้อไอน้ำ ให้สามารถระบายได้สะดวกไปยังที่ที่เหมาะสมและปลอดภัย
    ข้อ 3 ให้ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานทุกประเภทหรือชนิดที่มีการใช้หม้อไอน้ำหรือหม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน (ชนิดที่มีความดันสูงกว่าความดันบรรยากาศซึ่งมีรูปร่างคล้ายคลึงหม้อไอน้ำและใช้งานคล้ายคลึงกับหม้อไอน้ำ) สำหรับประกอบกิจการโรงงานต้องจัดให้มีผู้ควบคุมประจำหม้อไอน้ำหรือหม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน (Operator) ที่มีคุณวุฒิได้รับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง สาขาช่างกลโรงงาน หรือช่างยนต์ หรือช่างผู้ชำนาญงาน ที่ผ่านการทดสอบฝึกอบรมหลักสูตรผู้ควบคุมหม้อไอน้ำ จากกรมโรงงานอุตสาหกรรม หรือสถาบันอื่นที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมรับรอง 
    ข้อ 4 ให้ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานที่ประกอบกิจการโรงงานสร้างหรือซ่อมหม้อไอน้ำหรือหม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อนต้องจัดให้มีวิศวกรสาขาเครื่องกลผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมตามพระราชบัญญัติวิชาชีพวิศวกรรม พ.ศ. 2505 เป็นผู้ควบคุมการสร้างหรือซ่อม 
    ข้อ 5 วิศวกรผู้ตรวจทดสอบความปลอดภัยในการใช้งานหม้อไอน้ำหรือหม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน ผู้ควบคุมประจำหม้อไอน้ำหรือหม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน วิศวกรควบคุมและอำนวยการใช้หม้อไอน้ำ และวิศวกรควบคุมการสร้างหรือซ่อมหม้อไอน้ำหรือหม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อนตามที่กล่าวไว้ในข้อ 2 ข้อ 3 และข้อ 4 ต้องเป็นผู้ได้รับอนุญาตให้ขึ้นทะเบียนจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมตามระเบียบและวิธีการที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมกำหนด 
    ข้อ 6 กรณีผู้ได้รับใบอนุญาตให้ขึ้นทะเบียนเป็นวิศวกรควบคุม และอำนวยการใช้หม้อไอน้ำ วิศวกรควบคุมการสร้างหรือซ่อมหม้อไอน้ำหรือหม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อนและผู้ควบคุมประจำหม้อไอน้ำหรือหม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อนของผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานใดลาออก หรือไม่ปฏิบัติหน้าที่แล้ว หรือขาดต่ออายุการขึ้นทะเบียน หรือไม่ได้รับการอนุญาตให้ต่ออายุการขึ้นทะเบียน หรือถูกเพิกถอนการขึ้นทะเบียน ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานรายนั้น ต้องแจ้งให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมทราบทันที และจัดหามาทดแทนภายใน 30 วัน นับแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว 
    ข้อ 7 ประกาศฉบับนี้ให้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 90 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

                                     ประกาศกระทรวงมหาดไทย (พ.ศ. 2519)
                                     หมวด 2 ความปลอดภัยเกี่ยวกับหม้อไอน้ำ

    ข้อ 11 ให้นายจ้างซึ่งใช้หม้อน้ำปฏิบัติดังต่อไปนี้ 
    หม้อไอน้ำที่ใช้ต้องมีคุณภาพแข็งแรง สามารถทนความดันไอน้ำ (Safety Factor) ได้สูงไม่น้อยกว่าสี่เท่าของความดันที่ใช้งานปกติ
    รอบหม้อไอน้ำต้องมีฉนวนป้องกันการกระจายความร้อนตามผิวโดยรอบ
    ฐานรากที่ตั้งของหม้อไอน้ำและปล่องควัน ต้องจัดทำให้มั่นคง แข็งแรงโดยวิศวกรโยธา ซึ่ง ก.ว. รับรองเป็นผู้กำหนดและติดตั้งสายล่อฟ้าที่บนปล่องควันด้วย ทั้งนี้ไม่รวมถึงหม้อไอน้ำ และปล่องควันที่ใช้กับยานพาหนะ
    หม้อไอน้ำ ต้องจัดให้มีลิ้นปลอดภัย (Safety Valve) ที่ปรับความดันไอน้ำให้ถูกต้องไม่น้อยกว่าหนึ่งชุด และต้องไม่มีลิ้นปิดเปิด(Stop Valve) คั่นระหว่างหม้อไอน้ำกับลิ้นปลอดภัย
    ต้องติดตั้งเครื่องวัดความดันไอน้ำที่ผลิตได้ซึ่งมีเครื่องหมายแสดงระดับความดันอันตรายไว้ให้เห็นได้ชั
    ต้องติดตั้งเครื่องระดับน้ำชนิดเป็นหลอดแก้วไว้ให้เห็นได้ชัด และต้องมีเครื่อง ป้องกันหลอดแก้วไว้ด้วย
    ต้องติดตั้งสัญญาณเปล่งเสียงแจ้งอันตราย ในเมื่ออุปกรณ์หรือหม้อไอน้ำขัดข้องอันอาจเป็นเหตุให้เกิดอันตรายได้
    แผงควบคุมอัตโนมัติและเครื่องวัดต่างๆ ของหม้อไอน้ำต้องติดตั้งไว้ ณ ที่ซึ่งผู้ควบคุมสามารถมองเห็นเปลวไฟ ระดับน้ำและสัญญาณต่าง ๆ ได้ง่าย
    ต้องจัดทำท่อร้อยสายไฟฟ้าที่ต่อไปยังเครื่องควบคุมการทำงาน
    ภาชนะที่บรรจุแก๊สสำหรับใช้ในการติดไฟครั้งแรก ต้องเก็บไว้ในที่ปลอดภัยจากประกายไฟ และลิ้นปิดเปิดต้องไม่รั่วซึม
    ถังน้ำมันเชื้อเพลิงต้องติดตั้งไว้ ณ สถานที่ปลอดภัยจากการลุกไหม้และท่อน้ำมันเชื้อเพลิงต้องไม่รั่วหรือซึม การวางท่อน้ำมันเชื้อเพลิงต้องวางไว้ในที่ปลอดภัยและไม่กีดขวาง ในกรณีที่ใช้ไม้ฟืนขี้เลื่อย หรือวัสดุอื่นที่เป็นเชื้อเพลิงต้องจัดทำที่เก็บหรือเครื่องปิดบังให้ปลอดภัย
    ต้องทำฉนวนสีแดงห่อหุ้มท่อจ่ายไอน้ำโดยตลอด
    ต้องทำการตรวจซ่อมหม้อไอน้ำทุกส่วนไม่น้อยกว่าปีละหนึ่งครั้ง และได้รับการรับรองผลการตรวจจากวิศวกรเครื่องกล ซึ่ง ก.ว. รับรอง และผลของการตรวจสอบทางไฮโดรสแตติก (Hydrostatic) ของหม้อไอน้ำ ต้องมีค่าไม่น้อยกว่าหนึ่งเท่าครึ่งของความดันสูงสุดที่กำหนดให้ใช้สำหรับหม้อไอน้ำนั้น
    ต้องทำความสะอาดบริเวณรอบที่ตั้งหม้อไอน้ำมิให้มีคราบน้ำมันหรือสิ่งอื่นที่ติดไฟง่าย
    ข้อ 12 ให้นายจ้างจัดทำระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับวิธีการปฏิบัติงานที่ปลอดภัยในการตรวจอุปกรณ์หม้อไอน้ำทุกอย่างก่อนลงมือทำงานและแจ้งให้ผู้ปฏิบัติงานทราบ
    ข้อ 13 ผู้ควบคุมหม้อไอน้ำ ต้องเป็นช่างชั้นต้นซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับประกาศนียบัตรประโยคอาชีวศึกษาชั้นสูงแผนกเครื่องกล หรือแผนกช่างกลโรงงานหรือช่างชั้นต้น ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับประกาศนียบัตรวิชาชีพจากสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานกรมแรงงานสาขาช่างยนต์หรือช่างกลโรงงานหรือช่างผู้ชำนาญงานที่ผ่านการทดสอบจากสถาบันของทางราชการหรือรัฐวิสาหกิจหรือสถาบันอื่น ซึ่งกรมแรงงานรับรองว่าเป็นผู้สามารถควบคุมหม้อไอน้ำหรือช่างผู้ชำนาญงานที่ปฏิบัติงานภายใต้การควบคุมของวิศวกรซึ่ง ก.ว. รับรอง 
    ข้อ 14 การใช้หม้อไอน้ำที่มีอายุเกิน 10 ปี ต้องลดความดันที่ใช้งานสูงสุดลงจนหม้อไอน้ำนั้นสามารถทนความดันที่ใช้งานได้ไม่น้อยกว่า 6 เท่า 
    ข้อ 15 หม้อไอน้ำที่มีการเคลื่อนย้ายที่ติดตั้งแล้ว ต้องลดความดันที่ใช้งานสูงสุดลงจนหม้อไอน้ำนั้นสามารถทนความดันที่ใช้งานได้ไม่น้อยกว่า 5 เท่า
    ข้อ 16 เครื่องมือไฟฟ้าที่มีที่ครอบโลหะอยู่ส่วนใช้สำหรับจับถือ ซึ่งใช้ในการปฏิบัติงานซ่อมและบำรุงรักษาหม้อไอน้ำที่เปรียบชื้นหรือพื้นเป็นโลหะต้องต่อสายดิน หรือจัดทำด้วยวิธีอื่นใดที่อาจป้องกันอุบัติเหตุ เนื่องจากไฟฟ้ารั่วได้ 
    ข้อ 17 ถ้ามีหม้อไอน้ำติดตั้งอยู่ในห้องโดยเฉพาะห้องนั้นจะต้องมีทางออกได้ไม่น้อยกว่าสองทางซึ่งอยู่คนละด้าน และถ้าภายในห้องหม้อไอน้ำมีชั้นปฏิบัติงานหลายชั้น จะต้องทำทางออกไว้ทุกชั้นและต้องไม่มีสิ่งกีดขวางทางออกด้วย และเมื่อไฟฟ้าดับให้มีแสงสว่างฉุกเฉินส่องไปยังทางออกและเครื่องวัสดุต่างๆ รวมทั้งแผงควบคุมให้เห็นได้อย่างชัดเจน 
    ข้อ 18 หม้อไอน้ำที่สูงเกินกว่า 10 ฟุตจากพื้น ต้องทำบันไดและทางเดินไว้รอบหม้อไอน้ำเพื่อให้ผุ้ควบคุมหรือซ่อมแซมเดินได้โดยปลอดภัยบันไดและทางเดินนี้ต้องมีราวสำหรับจับและที่พื้นต้องมีขอบกั้นปลาย (Toe Board)

                                             ระเบียบกรมโรงงานอุตสาหกรรม
                            ว่าด้วยการขึ้นทะเบียนเป็นวิศวกรควบคุมและอำนวยการใช้หม้อไอน้ำ
                       วิศวกรตรวจทดสอบหม้อไอน้ำหรือหม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน 
            วิศวกรควบคุมการสร้างหรือซ่อมหม้อไอน้ำหรือต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อนและ
     ผู้ควบคุมประจำหม้อไอน้ำหรือหม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน พ.ศ.2528

    ตามความในประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ 18 (พ.ศ. 2528) ลงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2528 ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2512 เรื่องหน้าที่ของผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานกำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานจัดให้มีวิศวกรควบคุมและอำนวยการใช้หม้อไอน้ำ วิศวกรตรวจสอบหม้อไอน้ำ หรือหม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน และผู้ควบคุมประจำหม้อไอน้ำ หรือ หม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อนและบุคคลดังกล่าวต้องขึ้นทะเบียนตามระเบียบและวิธีการที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมกำหนดนั้นกรมโรงงานอุตสาหกรรมจึงวางระเบียบและวิธีการขึ้นทะเบียนไว้ดังต่อไปนี้ 
    ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า ระเบียบกรมโรงงานอุตสาหกรรมว่าด้วยการขึ้นทะเบียนเป็นวิศวกรควบคุมและอำนวยการใช้หม้อไอน้ำวิศวกรตรวจสอบหม้อไอน้ำหรือหม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน วิศวกรควบคุมการสร้างหรือซ่อมหม้อไอน้ำหรือหม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน และผู้ควบคุมประจำหม้อไอน้ำหรือหม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน พ.ศ. 2528 
    อนึ่งคำว่า “หม้อต้มฯ” ที่จะกล่าวต่อไปในระเบียบนี้ให้หมายถึง หม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน (ชนิดที่มีความดันสูงกว่าความดันบรรยากาศ ซึ่งมีรูปร่างคล้ายคลึงหม้อไอน้ำและใช้งานคล้ายคลึงกับหม้อไอน้ำ) 
    ข้อ 2 คุณสมบัติผู้ขอขึ้นทะเบียน 
    วิศวกรควบคุมและอำนวยการใช้หม้อไอน้ำ วิศวกรควบคุมการสร้างหรือซ่อมหม้อไอน้ำหรือหม้อต้มฯ ต้องเป็นวิศวกรสาขาเครื่องกล ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมตามพระราชบัญญัติวิชาชีพวิศวกรรม พ.ศ. 2505
    วิศวกรตรวจทดสอบหม้อไอน้ำหรือหม้อต้มฯ ต้องเป็นวิศวกรสาขาเครื่องกลประเภทสามัญวิศวกร หรือวุฒิวิศวกร หรือผู้ได้รับใบอนุญาตพิเศษให้ตรวจสอบหม้อไอน้ำตามพระราชบัญญัติวิชาชีพวิศวกรรม พ.ศ. 2505
    ผู้ควบคุมประจำหม้อไอน้ำหรือหม้อต้มฯ ต้องเป็นผู้มีคุณวุฒิได้รับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง สาขาช่างกลโรงงานหรือช่างยนต์หรือช่างผู้ชำนาญงานที่ผ่านการทดสอบหลักสูตรฝึกอบรมผู้ควบคุมหม้อไอน้ำ จากกรมแรงงานอุตสาหกรรมหรือสถาบันอื่นที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมรับรอง 
    ข้อ 5 หน้าที่และความรับผิดชอบของวิศวกรตรวจทดสอบหม้อไอน้ำหรือหม้อต้มฯ 
    5.1 ต้องใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ในการตรวจทดสอบหม้อไอน้ำดังต่อไปนี้ 
            1. ปั๊มน้ำแรงดันสูงสามารถอัดน้ำทดสอบได้เกินกว่า 1.5 เท่าของความดันใช้งานปกติของหม้อไอน้ำ 
            2. เครื่องทดสอบลิ้นนิรภัย (Safety Valve) 
            3. เครื่องทดสอบเกจวัดความดัน (Pressure Gauge) 
            4. เครื่องวัดความหนาของเหล็ก (Ultrasonic Thickness) ชนิดอ่านเป็นตัวเลข 
            5. อุปกรณ์วิเคราะห์คุณภาพน้ำ 

    5.2 เมื่อตรวจทดสอบพบว่าหม้อไอน้ำหรือหม้อต้มฯ หรือส่วนประกอบและหรืออุปกรณ์ของหม้อไอน้ำหรือของหม้อต้มฯ อยู่ในสภาพไม่ปลอดภัยต่อการใช้งาน ต้องแจ้งให้ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานดำเนินการปรับปรุง แก้ไขซ่อมแซม หรือเปลี่ยนให้อยู่ในสภาพที่ปลอดภัยต่อการใช้งานโดยด่วน 
    5.3 การตรวจทดสอบหม้อไอน้ำหรือหม้อต้มฯ ต้องดำเนินการตามข้อกำหนดหรือหลักเกณฑ์ในการตรวจทดสอบหรือตามหลักวิชาการของวิศวกรรม และกรอกรายงานการตรวจตามแบบเอกสารรับรองความปลอดภัยในการใช้หม้อไอน้ำหรือหม้อต้มฯ ตามแบบท้ายระเบียบนี้ 

  • จำหน่ายถังดับเพลิง อัดถังดับเพลิง เติมถังดับเพลิงราคาถูก เติมน้ำยา ,ผงเคมีแห้ง

    จำหน่ายถังดับเพลิง อัดถังดับเพลิง เติมถังดับเพลิงราคาถูก เติมน้ำยา ,ผงเคมีแห้ง

     ได้รับการรับรองจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน

    Fire Fighting system งานติดตั้งตู้ดับเพลิง
    บริการติดตั้งตู้ดับเพลิง ตามแบบและขนาดที่ต้องการ
    ตู้เก็บเครื่องดับเพลิง แบบเดี่ยว (Fire Extinguisher Cabinet)
    ติดตั้งตู้เก็บเครื่องดับเพลิง แบบคู่ (Fire Extinguisher Cabinet)
    ติดตั้งตู้เก็บสายดับเพลิง (Fire Hose Cabinet)
    ตู้เก็บสายดับเพลิงและอุปกรณ์ (Fire Hose Rack)
    ตู้เก็บขวานดับเพลิง (Fire Axe Cabinet)
    ตู้เก็บชุดดับเพลิง (Fire Cloth Cabinet)
     Fire Extinguisher  
    จำหน่ายถังดับเพลิงบริการเติมน้ำยาผงเคมี

    เครื่องดับเพลิงชนิดผงเคมีแห้ง ( Dry chemical )
    เครื่องดับเพลิงเคมี A.B.C. มีประสิทธิภาพสูง ในการดับเพลิง
    สามารถดับเพลิง Class A B C ไม้,ผ้า,กระดาษ,พลาสติก,ไฟฟ้าช๊อต, น้ำมัน,แก๊ส และเก็บไว้ได้นานโดยไม่เสื่อมคุณภาพ
    ผลิตจากโรงงานที่ได้มาตรฐาน ISO 9001 : 2008
    เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานความสามารถการดับเพลิงสูง FIRE RATING
    ตั้งแต่ 2A-2B ถึง 10 A 60B
    ได้ตามมาตรฐานกฎกระทรวง และประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน


    เครื่องดับเพลิงชนิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ( Co-2 )
    มีประสิทธิภาพดับไฟที่เกิดจากน้ำมัน แก๊ส และไฟฟ้าช๊อต
    เครื่องดับเพลิงชนิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ CO-2
    ชนิดตัวถังอลูมินั่มอัลลอยด์
    ฉีดแล้วจะระเหยหายไปได้เอง โดย ไม่ทิ้งคราบสกปรก และไม่ทำลายสิ่งของเครื่องใช้ 
    เหมาะสำหรับใช้ในห้องคอลโทรลไฟฟ้า ห้องคอมพิวเตอร์ ห้องเก็บวัสดุไวไฟ เครื่องจักร
    เก็บไว้ได้นานโดยไม่เสื่อมคุณภาพ
    เครื่องดับเพลิงชนิดโฟม
    สำหรับดับเพลิงขั้นต้นกับบริเวณพื้นที่ที่มีการเก็บสต็อคสารไวไฟ จำพวกของเหลว เช่น น้ำมัน , ทินเนอร์, 
    มีประสิทธิภาพในการดับเพลิง จำพวก ไม้ , ผ้า ,กระดาษ ,พลาสติก , ยาง , น้ำมันเชื้อเพลิง และสารเคมีทุกชนิด
    มีส่วนของน้ำช่วยลดอุณภูมิ
    มีคุณสมบัติพิเศษ โดยมีแผ่นฟิล์มน้ำปิดไอเชื้อเพลิง ปกคลุมมิให้ไฟย้อนติดขึ้นมาอีก

     เครื่องดับเพลิงชนิดน้ำสะสมแรงดัน
    ชนิดตัวถังแสตนเลส
    มีคุณสมบัติพิเศษในการดับเพลิงจำพวกของแข็งติดไฟได้ดี Fire Class A
    เหมาะสำหรับติดตั้ง ในห้องเก็บสินค้า หรือพื้นที่อื่น ๆ ที่อาจจะเกิดเพลิงไหม้ความทนทานป้องกันการกัดกร่อน และการเป็นสนิม

  • Maintenance & Service บริการตรวจเช็คและซ่อมบำรุงลิฟท์ PM รายปี

    Maintenance & Service บริการตรวจเช็คและซ่อมบำรุงลิฟท์ PM รายปี

     ได้รับการรับรองจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน

    Service Maintenance, PM  
    บริการตรวจเช็คและซ่อมบำรุงลิฟท์

          บริษัท อินดักชั่น หรือ  ISTE  ให้บริการซ่อมบำรุง Preventive Maintenance  หรือ PM ลิฟท์ขนของ ลิฟท์ชั่วคราวลิฟท์โดยสาร ให้บริการซ่อมแซมบำรุงรักษา พร้อมทั้งตรวจสภาพลิฟท์ตามกฏหมายกำหนด เพื่อความปลอดภัยและเพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของลิฟท์ และยังให้บริการ  Maintenance  ตรวจเช็คบำรุงรักษา บริการสัญญารายปี หรือ บริการเป็นรายครั้ง
    บริการดูแลลิฟท์รายปี โดยเข้าตรวจเช็คและซ่อมบำรุงปีละ 4 ครั้ง
    บริการเข้าซ่อมเครนกรณีเร่งด่วนซ่อมภายใน 24ชม.
    บริการตรวจเช็คเครนตามแบบฟอร์มของทางราชการ(ปจ.1)และเซ็นรับรองโดยวิศวกรเครื่องกล 
    ให้บริการตรวจเช็คบำรุงรักษา ทุกๆ 1 เดือน
    ให้บริการตรวจเช็คบำรุงรักษา ทุกๆ 3 เดือนให้บริการตรวจเช็คบำรุงรักษา ทุกๆ 6 เดือนให้บริการตรวจเช็คบำรุงรักษา ทุก 1ปี
    ให้บริการ Service 24 ชั่วโมง ซ่อมฉุกเฉินภายใน 24ชม. 
    การตรวจเช็คและซ่อมบำรุงลิฟท์ตามรายการ อาทิ เช่น
    ตรวจเช็คสภาพภายในห้องเครื่องลิฟต์ ความสะอาด การถ่ายเทของอากาศ และอุณหภูมิภายในห้องเครื่องลิฟต์
    ตรวจเช็คสภาพของเมนสวิทซ์ และจุดต่อต่างๆ ของ สายไฟเมน
    ตรวจเช็คสภาพและการทำงานของพู่เล่ตัวทำมุม สลิง
    ตรวจเช็คระบบการทำงาน และประสิทธิภาพการ ทำงาน ของระบบเบรคหยุดลิฟต์
    ตรวจเช็คสภาพระบบการทำงานของอุปกรณ์ควบคุม การจอดชั้นของลิฟต์ส่วนที่อยู่บนห้องเครื่องลิฟต์
    ตรวจเช็คสภาพและการทำงานของอุปกรณ์ควบคุม ความเร็วของลิฟต์ พร้อมตรวจเช็คสลิงดึงเบรค ฉุกเฉินส่วนที่อยู่บนห้องเครื่องลิฟต์
    ตรวจเช็คระบบเบรคและอุปกรณ์
    ตรวจเช็คพูเลย์ และสลิงลิฟท์
    ตรวจเช็คชุดเซฟตี้ Governor
    ตรวจเช็คสภาพ และระดับของน้ำมันหล่อลื่น ชุดเฟืองเกียร์ และตรวจเช็คพร้อมทำการหล่อลื่น จุดหมุนต่างๆ ของชิ้นส่วนอุปกรณ์ ที่อยู่บนห้อง เครื่องลิฟต์
    ตรวจเช็คสภาพ และการทำงานของไฟบอกตำแหน่ง ชั้นของลิฟต์ภายในตัวลิฟต์
    ตรวจเช็คชุดประตูชานพัก ประตูนอก / ประตูใน
    ตรวจเช็ค Safety Shoes, Microscan, Photocell
    ตรวจเช็คน้ำมันราง ชุดข้อต่อ จุดหมุนต่างๆ
    ทดสอบสภาพการวิ่งของลิฟต์ว่าวิ่งส่าย, สะดุดหรือ มีเสียงดังหรือไม่
    ทำความสะอาดอุปกรณ์ลิฟท์
    ตรวจเช็คและทดสอบอุปกรณ์แจ้งเหตุฉุกเฉินกรณี ลิฟต์ติด

    ส่วนประกอบของลิฟต์
    1. เครื่องจักรขับลิฟต์ (Traction Machine) เป็นอุปกรณ์หลักของระบบลิฟต์ ทำหน้าที่ขับเคลื่อนลิฟต์ขึ้นลง
    2. ชุดลูกถ่วง (Counterweight) ประกอบด้วยโครงเหล็กซึ่งบรรจุก้อนน้ำหนักที่ทำด้วยเหล็กหล่อ ทำหน้าที่ถ่วงดุลกับน้ำหนักของติ้ลฟต์และจำนวนผู้โดยสารเพื่อให้มอเตอร์ลิฟต์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
    3. รางลิฟต์ (Guide Rail) เป็นเหล็กรูปตัว T ทำหน้าที่นำร่องให้ลิฟต์วิ่งขึ้นลงในแนวที่กำหนดและรักษาตำแหน่งตัวลิฟต์ให้ทรงตัวและได้ศูนย์ตลอดเวลา รางลิฟต์มีหลายขนาดขึ้นอยู่กับขนาดของตัวลิฟต์ น้ำหนักบรรทุกและความเร็วลิฟต์ เป็นต้น โดยทั่วไประบบลิฟต์จะมีรางขนาดใหญ่สำหรับนำร่องตัวลิฟต์และรางขนาดเล็กกว่าสำหรับนำร่องชุดลูกถ่วง
    4. ตู้โดยสาร (Lift Car) ประกอบไปด้วยห้องโดยสารที่ยึดกับโครงเหล็กกล้าที่แข็งแรง พร้อมอุปกรณ์นิรภัย (Safety Gear) ป้องกันไม่ให้ลิฟต์ตก เมื่อสลิงขาดตู้โดยสารมีขนาดแตกต่างกันขึ้นอยู่กับประเภทและน้ำหนักบรรทุกของลิฟต์
    5. บัฟเฟอร์ (Buffer) เป็นอุปกรณ์ป้องกันไม่ให้ตัวลิฟต์กระแทกกับพื้นบ่อลิฟต์ กรณีลิฟต์วิ่งเลยชั้นล่างสุดเนื่องจากความผิดพลาดของระบบควบคุม บัฟเฟอร์จะผ่อนแรงกระแทกเพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อผู้โดยสาร
    6. ตู้คอนโทรล (Controller) ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของลิฟต์ทั้งระบบ เช่น ควบคุมความเร็ว ควบคุมการเปิดปิดประตูจัดคิวการวิ่งรับส่งผู้โดยสาร เป็นต้น และชนิดของคอนโทรลดังกล่าวยังแตกย่อยออกตามประเภทระบบขับเคลื่อนด้วย เช่น VVVF , DC Drive เป็นต้น
    7. ประตูหน้าชั้น (Landing Door) ระบบลิฟต์ทั่วไปจะมีประตู 2 ส่วน คือประตูในลิฟต์ (Car Door) และประตูหน้าชั้นต่างๆ ตามจำนวนชั้นจอดของลิฟต์ ปกติประตูหน้าชั้นจะเปิดปิดได้ก็ต่อเมื่อตัวลิฟต์จะต้องจอดอยู่ที่ชั้นนั้นและประตูที่ชั้นอื่นจะเปิดไม่ได้ ทั้งนี้เพื่อให้การใช้งานมีความปลอดภัยสูงสุด ประตูลิฟต์มีหลายแบบ ที่พบเห็นกันโดยทั่วไปจะมี
    – เปิดจากกึ่งกลาง (Center Opening)
    – เปิดจากด้านข้าง (Slide Opening)
    8. สลิงลิฟต์ (Wire Rope) ใช้สำหรับแขวนตัวลิฟต์และชุดลูกถ่วง และฉุดให้ลิฟต์ขึ้นลงด้วยแรงเสียดทานของลวดสลิงกับร่องของมูลเล่ย์
    9. ปุ่มกด (Button) ใช้สำหรับเรียกลิฟต์รับส่งไปยังชั้นต่างๆ ที่ต้องการ แผงปุ่มกดมีอยู่ 2 ส่วนคือ
    – แผงปุ่มกดในลิฟต์ (Car Operating Panel)
    ประกอบด้วยปุ่มเรียกไปตามชั้นต่างๆ ปุ่มปิด เปิดประตู ปุ่มแจ้งเหตุและอินเตอร์คอม
    – แผงปุ่มกดหน้าชั้น (Hall Button)
    ประกอบด้วยปุ่มเรียกลิฟต์มารับขาขึ้นและขาลงอย่างละปุ่ม
    10. สายเคเบิล (Travelling Cable) เป็นสายไฟที่วิ่งขึ้นลงพร้อมกับตัวลิฟต์ ทำหน้าที่เชื่อมสัญญาณ เช่น ปุ่มกดและสวิทซ์ต่างๆ ที่ตู้ลิฟต์กับตู้คอนโทรลในห้องเครื่อง

  • บริการตรวจเช็คและซ่อมบำรุงเครน PM รายปี

    บริการตรวจเช็คและซ่อมบำรุงเครน PM รายปี

     ได้รับการรับรองจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน

    Service Maintenance, PM  
    บริการตรวจเช็คและซ่อมบำรุงเครน

          บริษัท อินดักชั่น หรือ  ISTE  ให้บริการซ่อมบำรุง Preventive Maintenance  หรือ PM เครนและรอกพร้อมทั้งตรวจสภาพเครื่องจักรตามกฏหมายกำหนด เพื่อความปลอดภัยและเพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของเครื่องจักร บริการ  Maintenance  ซ่อมรอกไฟฟ้า รอกโซ่ ซ่อมรอกสลิง รอกโซ่ เรามีให้บริการสัญญารายปี หรือ บริการเป็นรายครั้ง โปรแกรมการตรวจเช็คและซ่อมบำรุงเครน
    ตรวจเช็คและซ่อมบำรุงเครนตามรายการ กว่า 30 รายการ
    บริการดูแลเครนรายปี โดยเข้าตรวจเช็คและซ่อมบำรุงปีละ 4 ครั้ง
    บริการเข้าซ่อมเครนกรณีเร่งด่วนซ่อมภายใน 24ชม.
    ให้บริการตรวจเช็คเครนตามแบบฟอร์มของทางราชการ(ปจ.1)และเซ็นรับรองโดยวิศวกรเครื่องกล 
    และเรายังบริการจัดหา Spare Part อะไหล่เครน อะไหล่รอกและอุปกรณ์ของเครนไม่ว่าจะเป็น Hoist Crane  Overhead crane  Single girder  Electric crane  Electric hoist Double girder  เครนไฟฟ้า พร้อมให้บริการทั่วประเทศ

    ตรวจเช็คและซ่อมบำรุงเครน PM หมายถึงอะไร เดี๋ยวผมอธิบายให้ชัด ๆ เลยนะครับ:
    PM ย่อมาจาก Preventive Maintenance
    แปลตรงตัวคือ การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน
    โดยหลัก ๆ แล้ว ตรวจเช็คและซ่อมบำรุงเครน PM คือกระบวนการตรวจสอบและบำรุงรักษาเครื่องจักรประเภทเครน (Cranes) ตามรอบระยะเวลาที่กำหนด เพื่อป้องกันการชำรุดเสียหายก่อนเกิดเหตุ ซึ่งช่วยให้เครนทำงานได้อย่างปลอดภัยและเต็มประสิทธิภาพตลอดอายุการใช้งาน

    ตัวอย่างงานตรวจเช็ค PM ของเครนมีดังนี้:
    🔧 ตรวจสอบสายสลิง รอก และตะขอเครน ว่ามีการสึกหรอหรือชำรุดหรือไม่
    🔧 ตรวจเช็คระบบไฟฟ้า สวิตช์ควบคุม เบรก และระบบเซฟตี้
    🔧 ตรวจสอบมอเตอร์ การหล่อลื่นจุดต่าง ๆ ตามมาตรฐานผู้ผลิต
    🔧 ทดสอบการทำงานของเครนในโหลดที่ปลอดภัย
    🔧 จัดทำรายงานผลการตรวจสอบ และแจ้งแนะนำซ่อมบำรุงหากพบความผิดปกติ

    ประโยชน์ของการตรวจเช็ค PM เครน:
    ✅ ลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุจากการใช้งานเครน
    ✅ ช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องจักร
    ✅ ลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแบบฉุกเฉิน
    ✅ ปฏิบัติตามข้อกำหนดของกรมโรงงานและกฎหมายความปลอดภัย

  • การตรวจสอบทดสอบระบบสปริงเกอร์

    การตรวจสอบทดสอบระบบสปริงเกอร์

     ได้รับการรับรองจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน

    Automatic Sprinkler System
                                        ระบบน้ำดับเพลิงสปริงเกอร์ 

        อัคคีภัยที่เกิดขึ้นในโรงงานอุตสาหกรรมก่อให้เกิดความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงต่อชีวิตและทรัพย์สิน ในบางครั้งยังส่งผลกระทบต่อปัญหาสิ่งแวดล้อมโดยรอบอีกด้วย ดังนั้นกรมโรงงานอุตสาหกรรมจึงได้ออกประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การป้องกันและระงับอัคคีภัยในโรงงาน พ.ศ. ๒๕๕๒ ซึ่งในรายละเอียดได้มีข้อกำหนดเกี่ยวกับความปลอดภัยด้านอัคคีภัย ระบบสัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้ เครื่องดับเพลิงแบบมือถือ ระบบน้ำดับเพลิง ระบบดับเพลิงอัตโนมัติ การตรวจสอบ ทดสอบ และบำรุงรักษาระบบและอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงการฝึกอบรมเรื่องการป้องกันและระงับอัคคีภัยด้วย โดยเฉพาะการระงับการเกิดอัคคีภัยขั้นต้นโดยใช้ระบบดับเพลิงอัตโนมัติอย่างเช่นหัวกระจายน้ำดับเพลิง ถ้าหากติดตั้งไม่ถูกที่หรือไม่เหมาะสมก็จะไม่สามารถช่ายระงับการเกิดอัคคีภัยได้ ดังนั้นในบทความนี้จะขอกล่าวถึงการติดการติดตั้งหัวกระจายน้ำดับเพลิงว่าควรติดตั้งตำแหน่งไหน และควรติดตั้งอย่างรระบบหัวกระจายน้ำดับเพลิงอัตโนมัติ (Automatic Sprinkler System) เป็นระบบดับเพลิงที่ได้รับการยอมรับว่ามีประสิทธิภาพในการควบคุมเพลิงไหม้ได้ดีมาก และปัจจุบันมีการติดตั้งใช้กันแพร่หลายทั่วโลก เพราะสามารถควบคุมเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นได้ทันทีขณะที่เพลิงยังมีขนาดเล็ก ทำให้เพลิงไหม้หยุดการขยายตัวลุกลาม การเกิดควันไฟก็น้อยลงและเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นอยู่ในพื้นที่จำกัด ระบบนี้จะทำให้คนในอาคารมีเวลาเพิ่มมากขึ้นในการอพยพหนีไฟ

    ประเภทของระบบหัวกระจายน้ำดับเพลิงอัตโนมัติ 
    (Type of Automatic Sprinkler System) 
    1. ระบบท่อเปียก (Wet Pipe System) ระบบนี้เหมาะสมที่จะใช้งานกับพื้นที่ป้องกันเพลิงไหม้ที่อุณหภูมิแวดล้อม (Ambient Temperature) ไม่ทำให้น้ำในเส้นท่อเกิดการแข็งตัว น้ำจากหัวกระจายน้ำดับเพลิงจะฉีดออกมาดับเพลิงทันทีที่เกิดเพลิงไหม้
    2. ระบบท่อแห้ง (Dry Pipe System) ระบบนี้เหมาะสมที่จะใช้งานสำหรับพื้นที่ป้องกันที่มีอุณหภูมิโดยทั่วไปต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง ซึ่งทำให้เกิดการแข็งตัวของน้ำในเส้นท่อได้ โดยในระบบท่อจะมีการอัดอากาศเข้าภายในแทนน้ำ เหมาะสำหรับประเทศที่มีภูมิอากาศหนาวจัด
    3. ระบบท่อแห้งแบบชะลอน้ำเข้า (Pre Action System) ระบบนี้เหมาะสำหรับพื้นที่ป้องกันที่ต้องการหลีกเลี่ยง การทำงานหัวกระจายน้ำดับเพลิงที่อาจผิดพลาด และก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินหรืออุปกรณ์ที่มีมูลค่าสูง เช่น ห้องคอมพิวเตอร์ ฯลฯ
    4. ระบบเปิด (Deluge System) ระบบนี้เหมาะสำหรับพื้นที่ป้องกันอัคคีภัยพิเศษ ที่ต้องการน้ำดับเพลิงในปริมาณมากออกจากหัวกระจายน้ำดับเพลิงแบบเปิด (Open Sprinkler) พร้อมกันทุกหัวซึ่งประเภทของระบบที่ใช้ที่จะกล่าวถึงในครั้งนี้ คือ ระบบท่อเปียกเนื่องจากเป็นระบบที่มีความนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในประเทศไทย

  • บริการตรวจสอบ ทดสอบ ระบบเครื่องสูบน้ำดับเพลิง Fire Pump Systems

    บริการตรวจสอบ ทดสอบ ระบบเครื่องสูบน้ำดับเพลิง Fire Pump Systems

     ได้รับการรับรองจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน

    ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม
    เรื่อง การป้องกันและระงับอัคคีภัยในโรงงานพ.ศ. ๒๕๕๒

    การตรวจสอบ ทดสอบ และบำรุงรักษาระบบและอุปกรณ์สำหรับการป้องกันและระงับอัคคีภัย
    1. เครื่องสูบน้ำดับเพลิง
    1.1   เครื่องสูบน้ำดับเพลิงขับด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 
    ทดสอบการทำงานของเครื่องสูบน้ำดับเพลิงทุก ๆ สัปดาห์ที่อัตราความเร็วรอบทำงานด้วยระยะเวลาอย่างน้อย 30   นาทีเพื่อให้เครื่องยนต์ร้อนถึงอุณหภูมิทำงาน ตรวจสภาพของเครื่องสูบน้ำ, ชุดควบคุมการทำงานของเครื่องสูบน้ำ
    ตรวจสอบแบตเตอรี่
    ระบบหล่อลื่น
    ระบบน้ำมันหล่อลื่นและน้ำมันเชื้อเพลิง
    เปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะเวลาที่ผู้ผลิตกำหนด แต่ไม่น้อยกว่าปีละครั้ง
    ระดับน้ำกรด-น้ำกลั่นของแบตเตอรี่ จะต้องมีระดับท่วมแผ่นธาตุตลอดเวลา
    ในกรณีระบบเครื่องสูบน้ำเป็นแบบทำงานโดยอัตโนมัติให้ระบบควมคุมเป็นตัวสั่งการทำงานของเครื่องสูบน้ำโดยผ่าน โซลีนอยส์ วาลว์
    เครื่องสูบน้ำดับเพลิงขับด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า
    ทดสอบการทำงานของเครื่องสูบน้ำทุก ๆ เดือน
    2. หัวรับน้ำดับเพลิง (Fire department connection)
    หัวรับน้ำดับเพลิงจะต้องเห็นและเข้าถึงโดยง่ายตลอดเวลา
    หัวรับน้ำดับเพลิงควรจะได้รับการตรวจสอบเดือนละหนึ่งครั้ง
    ตรวจสอบหัวรับน้ำดับเพลิงว่าฝาครอบหรือปลั๊กอยู่ครบ, หัวต่อสายรับน้ำอยู่ในสภาพดี,ลิ้นกันกลับอยู่ในสภาพดีไม่มีน้ำรั่วซึม
    3. หัวดับเพลิงนอกอาคาร (Hydrants)
       1. การตรวจสอบหัวดับเพลิง

    ทดสอบการทำงานของเครื่องสูบน้ำทุก ๆ เดือน
    ตรวจสอบหัวดับเพลิงสาธารณะที่อยู่ใกล้อาคารว่าอยู่ในสภาพที่ดีไม่เสียหาย และใช้งานได้
    หัวดับเพลิงในสถานประกอบการควรตรวจสอบเดือนละครั้งว่าอยู่ในสภาพที่เห็นชัดเจนและเข้าถึงได้ง่ายโดยมีฝาครอบปิดอยู่เรียบร้อย
    การบำรุงรักษาหัวดับเพลิง
     2. หล่อลื่นหัวดับเพลิงปีละสองครั้ง

    ทดสอบการทำงานของเครื่องสูบน้ำทุก ๆ เดือน
    การทดสอบหัวดับเพลิง
    ทดสอบการทำงานของหัวดับเพลิงอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง โดยการเปิดและปิดเพื่อให้แน่ใจได้ว่ามีน้ำไหลออกจากหัวดับเพลิง
    4. สายฉีดน้ำดับเพลิงและตู้เก็บสายฉีด (Hose and Hose Station)  
    ตรวจสอบตู้เก็บสายฉีดเดือนละหนึ่งครั้งเพื่อให้แน่ใจว่ามีอุปกรณ์ฉีดน้ำดับเพลิงอยู่ครบและอยู่ในสภาพดี
    ตรวจสอบสายฉีดน้ำดับเพลิงแบบพับแขวน (Hose racks) หรือแบบม้วนสาย (Hose reels) และหัวฉีด (Nozzles) ว่าอยู่ใน  สภาพไม่เสียหาย
    วาล์วควบคุมจะต้องอยู่ในสภาพดีไม่มีน้ำรั่วซึม
    ที่มาข้อมูล : ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การป้องกันและระงับอัคคีภัยในโรงงาน พ.ศ. ๒๕๕๒  

     ขอบเขตในการตรวจสอบ Fire Pump ประจำปี
    1. การตรวจสอบข้อมูลของ Fire Pump 
           ข้อมูลจำเพาะ (Specifications)
            ปั้มรุ่น                                                :    
            Model                                                :     
              ขนาดท่อส่ง (Discharge Size)                          ;    นิ้ว (Inch)
             พิกัดกำลังมอเตอร์ (Power Output Range)         :     กิโลวัตต์ (KW)
             ปริมาณน้ำ (Capacity)                                    :     ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง (m3/hr)
             ส่งน้ำได้สูง (Head)                                         :     เมตร (m)
          ข้อมูลทางด้านเทคนิค (Technical DATA)
             ความเร้วรอบ (r.p.m), เฮิร์ท (HZ)                                      :                                                p.m.     
            แรงดันไฟฟ้า (Volt) / เฟส (Phase)                                    :
            ระดับฉนวนไฟฟ้า (Insulation Class)                                  :
            พิกัดการป้องกันฝุ่นและน้ำ (Degree of Protection)                 :       
            แรงดันขณะใช้งานสุงสุด (Max Working Pressure)                  :
            อุณหภูมิของเหลวขณะใช้งานสูงสุด (Max Liquid Temperature)   :    องศาเซลเซียส
    2.  การระบายอากาศในห้องเครื่องยนต์
    3. การตรวจสอบระบบเครื่องยนต์ดีเชล

    ตรวจสอบสภาพ และวัดระดับน้ำมันเครื่องอยู่ในระดับ ปกติ
    ตรวจสอบสภาพกรองน้ำมันเชื้อเพลิง  ยังสามารถใช้งานได้อยู่
    ตรวจสอบสภาพและประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ การเดินของเครื่องยนต์ เสียงของเครื่องยนต์ ไม่เกินกฎหมายที่กำหนด 85 เดซิเบล ทดสอบเดินเครื่อง 10 นาที
    4. การตรวจสอบระบบระบายความร้อน
    ตรวจสอบท่อของระบบระบายความร้อน ไม่มีรอยการรั่วซึม
    ตรวจสอบระบบ เช็คสายพานพัดลม สามารถใช้งานได้
    ตรวจเช็คระบบน้ำในหม้อน้ำ อยู่ใน ระดับปกติ 
    5. การตรวจสอบสภาพอุปกรณ์ภายนอก
    ตรวจสอบ Check Valve ให้อยุ่ในตำแหน่ง เปิด/ปิด
    ตรวจสอบ Valve และ By Pass ให้อยู่ในตำแหน่ง เปิดอยู่
    อัดจาระบี จุดหมุนต่างๆและ ตรวจเช็ครอยรั่วซึมของ Line น้ำดับเพลิง 
    6. การตรวจสอบ Flexible Joint ทั้ง 2 ด้าน  ด้านจ่ายน้ำ และด้านดูดน้ำเข้าลาย
    7. การตรวจสอบปะเก็น รอยต่อ การสึกหร่อของน็อต การกัดกร่อนของสนิม
    8. การตรวจสภาพการทำงานของระบบ Fire Pump ที่ตู้ Control
    ตรวจเช็ค ไฟอร่ามที่แสดงบริเวณแผงควบคุมและตู้ Controi ในขณะที่เครื่องยนต์ทำงานโชว์ไฟอร่าม ปกติ
    ตรวจเช็คแรงดันในขณะที่เครื่องยนต์กำลังทำงานอยู่ ตรวจเช็คอณุหภูมิหม้อน้ำ
    ตรวจเช็คแรงดันน้ำมันความเร็วรอบเครื่องยนต์ ความร้อนของเครื่องยนต์ในขณะที่เครื่องยนต์กำลัง ทำงานปกติทำความสะอาดตู้ Controi Fire Pump
    9. ตรวจสภาพการทำงานของเกจวัดแรงดันสามารถใช้งานได้ ปกติ 
     เราให้บริการ Service Contract ระบบ Fire pump หรือ ดูแลตรวจเช็ค ทดสอบรายปี โดยเข้าตรวจเช็ค ทุกๆ 3 เดือน หรือ 4 ครั้ง / ปี 
    รับทดสอบ  Fire Pump
    ทดสอบตาม  pressure
    ทดสอบ และวัดอัตราการไหลของอุปกรณ์ โดย  Flow meter ultrasonic
    ทดสอบแรงดันปลายสาย
    วัดรอบและประสิทธิภาพการทำงาน ของ Pump
    เช็คอุณหภูมิ ของปั้ม
    เช็คประสิทธิภาพ ของ  แบตเตอรี่ Supply  กรณี  ไฟดับ
    งานเปลี่ยนอุปกรณ์ของเหลว
    กรองน้ำมันหล่อลื่น 
    กรองน้ำมันเชื้อเพลิง 
    กรองอากาศ 
    น้ำมันหล่อลื่น
    น้ำยาหล่อเย็น  
    น้ำยากันสนิมหม้อน้ำ 
    ตรวจสอบตู้ Control Fire pump และ jockey pump
    ตรวจสอบตู้ Engine pump และ jockey pump
    ตรวจสอบระบบท่อ Pressure Gauge และวาล์วต่างๆภายในห้องเครื่อง (Fire Pump) Foot Valve ,Valve,Check Valve ท่อด้านจ่าย,Pressure Gauge
    ทดสอบประสิทธิภาพ Fire Pump (Performance Test) 
    ทดสอบท่อส่งน้ำดับเพลิงภายในอาคาร (Hydro Test )